ตรัง สุดอาลัย พ่อแม่-ญาติ ตั้งเค้กวันเกิดสีชมพู ร่วมร้องเพลงวันเกิดทั้งน้ำตา หน้าโลงน้องมีตังค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนฌาปนกิจพรุ่งนี้(22ก.ค.) พ่อแม่เผยทั้งน้ำตาครอบครัวยังทำใจไม่ได้ อยากให้น้องมาเข้าฝัน รักน้องมาก อยากจะรู้ตอนนี้น้องเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน อยากจะกอด อยากจะหอม และอยากบอก Good Night ลูกทุกวันเหมือนที่เคยทำ
จากกรณี พ่อแม่ร่ำไห้ขอความเป็นธรรมให้ลูกสาววัย 3 ขวบ หลังเข้ารักษาที่โรงพยาบาลวังวิเศษ กระทั่งมีไข้สูงชัก แต่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ยอมส่งตัวต่อไปไปยังโรงพยาบาลตรังตามที่ร้องขอ อ้างดูแลได้ กระทั่งอาการหนัก ก่อนยอมส่งตัวสุดท้ายเสียชีวิตหลังส่งถึงโรงพยาบาลตรัง
ล่าสุด เวลา 19.00 น. ของวันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) ที่วัดนาวง ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ให้กับน้องมีตังค์ หรือ ด.ญ.พิชญวดี ปราบรัตน์ วัย 3 ขวบ บุตรของ น.ส.อนงค์นาถ ปราบรัตน์ อายุ 33 ปี อาชีพข้าราชการครู และ นายบุรินทร์ ปราบรัตน์ อายุ 31 ปี อาชีพช่างตัดผม
พบว่าบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยบรรดาญาติพี่น้อง ที่มาร่วมงานด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก และทางพ่อแม่ของน้องมีตังค์ก็ได้ยืนพูดคุยกับแพทย์หญิงปณิดา เพชรรัตน์ ผอ.รพ.วังวิเศษ ก่อนที่จะมีการเตรียมจัดเป่าเค้กให้น้อง
ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของน้องมีตังค์ ครบ 3 ขวบ ทางพ่อแม่ ย่าและอาของน้องมีตังค์ ได้เตรียมเค้กวันเกิดสีชมพู ตกแต่งด้วยตุ๊กตาเจ้าหญิงให้น้องมีตังค์ พร้อมข้อความ H.B.D.นางฟ้าตัวน้อย พี่มีตังค์… และยังมีของขวัญสมุดระบายสีการ์ตูนแอนนาเอลซ่าและตุ๊กตานางเงือก ไม้คฑา มงกุฎเจ้าหญิง โดยได้จุดเทียนเค้กวันเกิดให้กับน้องมีตังค์พร้อมด้วยบรรดาญาติ มายืนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับน้องมีตังค์เพื่ออวยพรวันเกิดให้น้อง ที่หน้าโลงศพซึ่งทุกคนร่วมกันร้องเพลงวันเกิดที่เต็มไปด้วยน้ำตา ความเศร้าเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ และมีการจุดธูปบอกกล่าวน้องอีกด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้(22 ก.ค.66 )จะมีการฌาปนกิจศพน้องมีตังค์ช่วงบ่าย
ด้านน.ส.อนงค์นาถ และ นายบุรินทร์ ปราบรัตน์ แม่และพ่อน้องมีตังค์ ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว ว่า ก่อนที่น้องมีตังค์จะป่วย น้องบอกว่าอยากได้เค้กสีชมพู อาของน้องก็เลยไปซื้อเค้กสีชมพูมาให้ แล้วยังมีของเล่นที่น้องชอบเป็นลูกบอลกลมๆ มีตุ๊กตาอยู่ด้านใน ซึ่งปกติทุกๆปีก็จะมีตุ๊กตาให้น้อง แต่ว่าปีนี้คุณแม่ได้ซื้อโต๊ะที่เขียนหนังสือให้ ซื้อไว้ก่อนที่จะถึงวันเกิดน้อง และได้มอบให้น้องล่วงหน้าไปแล้วก่อนที่จะถึงวันเกิด วันนี้ทางผอ.โรงพยาบาลวังวิเศษ ก็ได้มาที่งานศพเข้ามาร่วมทำบุญและพูดถึงการเยียวยามาตรา 41 รอตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกครั้ง และรอพูดคุยกันหลังจากเสร็จงานศพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้สภาพจิตใจของครอบครัวยังย่ำแย่ ที่สูญเสียน้องไป
ในส่วนสาเหตุของการสูญเสียที่ออกมาเป็นเอกสารก็ยังไม่เห็น ว่าเป็นยังไง แต่ทางทีมแพทย์แจ้งว่าจะนำไปตรวจอีกทีว่าน้องติดเชื้อไวรัสอะไรกันแน่ ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นอะไรกันแน่ ส่วนทางครอบครัวติดใจในเรื่องของการย้ายโรงพยาบาล หากเป็นโรงพยาบาลอื่น อาจจะดูแลน้องได้ดีกว่า และน้องก็จะมีโอกาสหาย เพราะว่าเราร้องขอแล้วทำไมเขาถึงไม่ทำการย้ายหรือส่งตัวน้องไปยังรพ.ที่มีเครื่องมือหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ดีกว่านี้ได้ อาจจะได้ทำการรักษาที่ตรงจุดได้มากกว่านี้ จากที่ตนเองต้องสูญเสียลูกไปในครั้งนี้ตนเองจึงอยากฝากบอกถึงรพ.ทุกแห่งถึงเรื่องระบบในการดูแลผู้ป่วย การส่งผู้ป่วย หรือกรณีที่ญาติผู้ป่วยร้องขอ ก็ควรจะรีบพิจารณา ให้เร็วกว่านี้ เพราะว่าถ้าการร้องขอแล้วเราได้ทำการย้ายแล้วไม่ว่าผลข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร แสดงว่าญาติหรือผู้ป่วยเขาก็รับได้ แต่เมื่อญาติผู้ป่วยเรียกร้องแล้วแต่ผลมันออกมาเป็นแบบนี้ เรารับไม่ได้ จึงอยากฝากถึงระบบสาธารณสุข ให้จัดระบบการดูแลให้ดีกว่านี้ รวดเร็วกว่านี้ มีความพร้อมมากกว่านี้ในทุกโรงพยาบาลที่ยังมีขนาดเล็กอยู่ ทีมแพทย์น้อย แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางน้อย แต่ละโรงพยาบาลควรจะมีให้ครบทุกอย่าง เพื่อจะได้ดูแลผู้ป่วยได้ดีกว่านี้ จะทำให้ผู้ป่วยไม่ไปกองอยู่ที่รพ.ใหญ่จะได้เป็นการกระจายผู้ป่วยจริงๆ หลังจากนี้ก็ได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมฯไว้ ซึ่งนายอำเภอวังวิเศษก็รับเรื่องไว้แล้วจะตามเรื่องให้ด้วย
และพ่อแม่ได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาอาบแก้ม ว่า “สิ่งที่อยากจะฝากบอกถึงน้องมีตังค์ในตอนนี้ ว่าพ่อกับแม่ ทุกคน คิดถึงน้อง รักน้องมากๆ อยากจะรู้ว่าตอนนี้น้องเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ตรงไหน อยากจะกอด อยากจะหอมด้วยและอยากบอก Good Night ลูกทุกวันเหมือนที่เคยทำ อยากให้น้องมีตังค์มาเข้าฝันพ่อบ้าง อยากฝันเห็นน้อง คิดถึงน้องทุกวันแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ฝันถึงเลย แม่ก็ยังไม่ฝันเห็นเลย”
