ตรัง สสว.และกยท.จับมือพัฒนาสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยางด้วยการจัดหาเงินทุนสนับสนุนพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ พัฒนาช่องทางการจำหน่าย และการตลาดสู่การแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ เป้าหมายสามารถเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เชื่อเป็นช่องทางการต่อยอดพัฒนายาง และชีวิตเกษตรกรได้ยั่งยืน พร้อมต่อยอดภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ปีงบประมาณ 2566 “SME ปัง ตังได้คืน ปี 2”
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดอบรมสัมมนาและรับสมัครผู้ประกอบการ SME ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพสำหรับสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยางและโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ปีงบประมาณ 2566 “SME ปัง ตังได้คืน ปี 2″ เป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างสสว.และกยท.เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าของสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยาง สู่การตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. และนายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธาน โดยมีตัวแทนสถาบันเกษตรกรและตัวแทนผู้ประกอบกิจการยางจากจ.ตรัง, จ.พังงา, จ.นครศรีธรรมราช และจ.พัทลุง ร่วมเข้าอบรมประมาณ 80 คน โดยสสว. และกยท.ได้บูรณาการความร่วมมือ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ พัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด รวมถึงพัฒนาตลาดต่างประเทศ ให้กับสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยางครอบคลุมหมดทุกด้าน ทั้งด้านงบประมาณในสัดส่วน 50-80% การถ่ายทอดเทคโนโลยี เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ การประชุม และการเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางสามารถร่วมทำธุรกิจการค้าทั้งในและต่างประเทศสามารถก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นอุตสาหกรรม รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้าสู่มาตรฐานระดับสากล ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEได้เข้าถึงบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย บอกว่า จากการที่ กยท.ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม MSME ผ่านระบบการให้บริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Busines Development Service) ปีงบประมาณ 2566 “SME ปัง ตังได้คืน” และส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ และการเชื่อมโยงเครือข่ายฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นระดับ SME หรือ MSME สามารถเพิ่มโอกาสในการประกอบธุรกิจพร้อมทั้งสามารถพัฒนายกระดับผลิตภาพและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ในรูปแบบที่สามารถเลือกรับบริการที่ตรงตามความต้องการของตน จากหน่วยให้บริการต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ดังนั้น ส่วนตัวจึงมีความตั้งใจที่จะมุ่งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน โดยกยท.จะเป็นหนึ่งในสะพานที่จะเป็นช่องทางสร้างโอกาสให้กับสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยาง ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ การลดต้นทุน หรือเพิ่มประสิทธิภาพหรือสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุน สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยาง ทั้งนี้ ทั่วประเทศสถาบันเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับการยางไว้มีประมาณ 1,700 กว่าราย ซึ่งในเบื้องต้น ตั้งเป้ามีสถาบันฯและผู้ประกอบกิจการยางเข้าร่วมโครงการนี้ประมาณ 5 แห่ง และจะขยายต่อไปเรื่อยๆ ตามความพร้อมของสถาบันฯและผู้ประกอบกิจการยาง
ส่วนทางด้านนายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. บอกว่า เมื่อเรายกระดับและพัฒนาคุณภาพสินค้า บริการสู่มาตรฐานสากล แข่งขันการตลาดและต่างประเทศได้แล้ว โดยทางสสว.มีงบประมาณในการรองรับการสนับสนุน เป้าหมายอนาคตข้างหน้าธุรกิจ SME ซึ่งรวมถึงของสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยางด้วย จะสามารถเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยมีกรมบัญชีกลางและทุกหน่วยราชการจะต้องสนับสนุนและโอกาสธุรกิจ SME ในการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย โดยทางสสว.มีงบประมาณในการรองรับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เฉพาะของปี 2566 ยังเหลืออีกประมาณ 400 ล้าน และได้ขอขยายเวลาไปแล้ว และในปีต่อไปก็จะมีการจัดสรรงบประมาณทุกปี เพียงพอในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: