X

ตรัง เด้งรับ กระแส“เศรษฐา”ลงภูเก็ต เอกชนฝากเร่งกระตุ้นศก. กระตุ้นท่องเที่ยว แก้ปัญหาราคายาง

ตรัง ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมจ.ตรัง ฝากถึงนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” สร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน การขับเคลื่อนการท่องเที่ยว นโยบายเงินดิจิตอลสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ส่วนภาคอุตสาหกรรม เสนอเร่งแก้ปัญหาราคาพลังงาน ดอกเบี้ย และแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรภาคใต้ สภาเกษตรฯ ขอ   ยางกิโลฯ 80 บาท เร่งใช้ภายในประเทศ แก้ระเบียบราคากลางพัสดุภาครัฐ

วันที่ 26 ส.ค.66 นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และ นายธนพจน์ ศุภศรี ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง กล่าวถึงข้อเรียกร้องการกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 66 เพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ตและพังงา ด้านการท่องเที่ยว


โดยนายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวว่า การจัดตั้งนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น เรื่องแรกที่อยากจะฝากถึงรัฐบาลชุดนี้ คือเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล ภาคเอกชนมองว่าการมีเสถียรภาพมากยิ่งดี ทั้งกับนักลงทุนและนักท่องเที่ยว จึงอยากฝากให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประคับประคองให้มีเสถียรภาพ ประเด็นที่สองเป็นที่ทราบกันดีว่าฝั่งอันดามัน มีการท่องเที่ยวเป็นหลัก ปีนี้มีการตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศจีน ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 5 ล้านคน แต่มาเที่ยวจริงต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้เยอะ จากการสอบถามจากผู้ประกอบการทราบว่า มาจากปัญหาเรื่องวีซ่าต่างๆ จึงอยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้แก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน เพราะเรื่องการท่องเที่ยวสามารถทำได้โดยไม่ต้องรอ
อีกประเด็นของจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีพืชเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมันและยางพารา อยากให้รัฐบาลดูแลต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ย หากลดต้นทุนปุ๋ยลงได้ จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องถัดมาคือเรื่องโครงการลงทุนต่างๆ ในระยะยาว และ ระยะปานกลาง ของทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ อยากให้รัฐบาลผลักดันและส่งเสริม อาทิ โครงการ Andaman wellness Corridor:Awc หรือ อันดามันเมืองมหาอำนาจด้านสุขภาพ ซึ่งจะเพิ่มรายได้ภาคท่องเที่ยวที่มีทั้งความสวยงามของทรัพยากรท่องเที่ยว เรื่องสุขภาพ ที่จะกระจายรายได้ไปยังจุดต่างๆ จึงอยากฝากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เรื่องแลนด์บริดจ์ ชุมพร ระนอง ให้ช่วยขับเคลื่อน เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจภาคใต้

นายสลิล กล่าวต่อว่า ตนเชื่อมั่นในตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่30 ต้องจัดวางกำลังพลที่เหมาะสมกับแต่ละกระทรวง เพราะตอนนี้ทุกสายตาจับต้องไปที่ตัวนายกฯ จริงๆต้องยอมรับว่าปลายปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ดีหลายเรื่อง หากรัฐบาลชุดใหม่มาสานต่อ ก็จะสามารถนำประเทศไปสู่ประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจได้

ส่วนเรื่องนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เช่น เงินดิจิตอล , ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท , เงินเดือนป.ตรี 25,000 บาท มีมุมมองว่าหากโครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาท สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่ต้องปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้ให้ยืดหยุ่นขึ้น จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการณ์น้อยที่สุด จึงอยากฝากว่าหากเป็นไปได้ขอให้ขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียน และอยากให้ทำเรื่องงบประมาณปี 2567 ให้เร็วขึ้น ในส่วนที่ติดค้างของงบประมาณปี 2566 ก็อยากให้คลายข้อกังวลเพราะขณะนี้เงินลงทุนของภาครัฐมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย


ด้านนายธนพจน์ ศุภศรี ประธานสภาอุตสาหกรรมจ.ตรัง กล่าวว่า ภาคเอกชนคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งเอกชนได้รับผลกระทบในที่ต่อเนื่องมา คือด้านพลังงาน ค่าไฟฟ้าที่สูง อยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างพลังงานทั้งประเทศ ทั้งเรื่องพลังงาน แก๊ส น้ำมัน ไฟฟ้า เพราะค่าพลังงานส่งผลกระทบในมุมกว้าง ทั้งประชาชนทั้งประเทศ และอุตสาหกรรม ส่งผลให้การแข่งขันด้อยลงกว่าประเทศข้างเคียง เช่น เวียดนาม อยากให้รัฐดูแลปัญหานี้ต่อเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมา และให้รัฐบาลใหม่ดูเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สำหรับเอกชนอัตราดอกเบี้ยถือเป็นต้นทุนทางการเงิน

ภาคอุตสาหกรรมของจ.ตรัง เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร รัฐบาลใหม่จึงควรให้ความสำคัญกับราคาสินค้าเกษตร พื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกยางพารา รองลงมาเป็นปาล์มน้ำมัน ปีนี้ราคายางพาราตกต่ำ อยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขราคายางพารา ตอนนี้ราคายางพารา ยางพราราแบบก้อนถ้วยตกกิโลกรัมละ 20 บาท หากแบ่งกับลูกจ้างสวนยางก็จะเหลือกันคนละครึ่ง เจ้าของสวนต้องรับภาระเรื่องต้นทุนการผลิต ส่วนลูกจ้างต้องรับภาระสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาแพงขึ้น เพราะต้นทุนด้านพลังงานที่แพง ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายและภาระหนี้ครัวเรือน อยากให้รัฐบาลใหม่หันมามองและให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ จึงอยากให้ช่วยส่งเสริมราคาสินค้าเกษตรภาคใต้

นายธนพจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องการใช้นโยบายเงินดิจิตอล , ค่าแรงขึ้นต่ำ , เงินเดือนปริญญาตรี ฯลฯ ตนมองไม่ออกว่าเงินดิจิตอลจะเป็นอย่างไร เพราะเรื่องที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงก็ไม่ได้มีความเข้าใจชัดเจน จึงไม่ขอออกความเห็น ส่วนเรื่องนโยบายค่าแรงที่รัฐบาลใหม่ได้ประกาศไว้ ภาคเอกชนก็ได้ผลักดันมาตลอด การปรับอัตราค่าจ้างภาคเอกชนไม่ได้มีปัญหาแต่อยากให้เป็นไปในรูปแบบกลไกไตรภาคีของแต่ละจังหวัด ตามกรอบของรัฐบาลที่ผ่านๆมา การขึ้นค่าจ้างในแต่ละจังหวัดอย่างเหมาะสม เพราะหากเป็นนโยบายที่สั่งมาจะกระทบต่อผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการรับภาระไม่ได้ จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นที่ตามมา จึงอยากให้หันมามองอุตสาหกรรมขนาดย่อม ที่เขาจะได้รับผลกระทบ
กลุ่มอุตสาหกรรมภาคใต้ และจังหวัดตรัง ที่ผ่านมาเอกชนได้ทำงานร่วมกับภาครัฐมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เช่น ม.วลัยลักษณ์ , ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ , ม.ทักษิณ , ม.เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ที่ได้พัฒนานวัตกรรมเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมด้านเกษตร

ภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีการค้าขายกันระหว่างประเทศที่ตอนนี้ชะลอตัว อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องนโยบายพัฒนาทักษะ และส่งเสริมผู้ประกอบการณ์ไปสู่ตลาดโลก นำสินค้าของแต่ละจังหวัดที่มีคุณภาพไปเปิดตลาดต่างประเทศ เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้อีกทาง


นายธนพจน์ กล่าวอีกว่า ในภาคอุตสาหกรรมภาคบริการ ตนมีมุมมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ กิจกรรม หรืออีเว้นท์ต่างๆ ที่จัดตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นให้เกิดจับจ่าย และเรียกคนจากจังหวัดข้างเคียงให้มายังจ.ตรัง และเกาะกระดานซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นชายหาดที่ดีที่สุดของโลก เป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่นักท่องเที่ยวสนใจอยากมาสัมผัส ตนอยากให้ภาครัฐบาลส่งเสริมเรื่องงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนในจังหวัด และกลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามัน

ด้านนายศิววงศ์ นวลสุวรรณ สภาเกษตรกรจ.ตรัง และประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์จ.ตรัง กล่าวว่า เชื่อว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จะมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะปัญหาราคาสินค้าเกษตรได้ เพราะตามข่าวที่ออกมาหลายคนก็เป็นอดีตรัฐมนตรีมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีความรู้ความสามารถในด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรจึงมีความคาดหวังว่าราคาสินค้าเกษตรจะดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ในเรื่องของปาล์มน้ำมัน และยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำมาตลอด จากข้อมูลการยางแห่งประเทศไทย ต้นทุนยางพาราของเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 55 บาท ดังนั้นราคาที่พอทำให้เกษตรกรอยู่ได้ พอมีกำไรควรอยู่ที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท
.
“สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่สานต่อนโยบายการใช้ยางพาราในประเทศอย่างต่อเนื่องจริงจัง หลังจากรัฐบาลที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาบ้างแล้วบางส่วน โดยเฉพาะการใช้ยางพาราในภาครัฐ การทำถนนพาราแอทฟัลท์คอนกรีตที่มีสัดส่วนยางธรรมชาติผสมมากอย่างมีนัยยะสำคัญต่อกลไกราคา นอกจากนี้ อย่างให้ผลักดันจริงจังในเรื่องอุตสาหกรรมการผลิตยางล้อทุกชนิด เพราะประเทศไทยมีวัตถุดิบ มีโรงงานผลิตยางรถยนต์มากมาย แต่กลับเป็นของต่างชาติมาลงทุน ทั้งนี้ทั้งนั้น ในส่วนการใช้ยางภาครัฐ ยังติดขัดระเบียบกฎหมายของกรมบัญชีกลางในเรื่องการกำหนดราคากลางของทางราชการ ที่ยังไม่มีราคากลางของวัสดุจากยางธรรมชาติ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขในส่วนนี้ด้วย”สภาเกษตรกรจ.ตรังระบุ

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน