ตรัง-เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนุ่มใหญ่สิ้นเนื้อประดาตัว เมียป่วยซึมเศร้า โคลนถล่มบ้าน 2 ครั้งซ้อน ราบเป็นหน้ากลอง ร้องหน่วยงานรัฐเยียวยา แต่เงียบหาย ทั้งที่มีบ้านเลขที่-เลขไฟฟ้า-หนังสือรับรองการทำประโยชน์ สุดช้ำโดนข่มขู่ซ้ำอย่าโวยวาย อึ้ง พบท่อนซุงตัดหัวท้ายไหลปนมากับโคลน เชื่อ มีขบวนการตัดไม้เถื่อนบนเขาเขตป่าสงวน เหตุปิดเรื่องเงียบ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวจังหวัดตรังได้รับการร้องเรียนจาก นายเฉลิมพร เพชรคง อายุ 45 ปี ชาวบ้านบ้านผมเด็น อยู่บ้านเลขที่ 170/1 ม.6 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง จากกรณีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันมีกำลังแรกจนเกิดฝนตกฟ้าคะนองทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะตั้งแต่คืนวันที่ 1 กันยายนต่อเนื่องวันที่ 2 กันยายน ทำให้จังหวัดตรังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ลมกรรโชกแรง นายเฉลิมพร ระบุได้รับความเดือนร้อนจากเหตุฝนตกโคลนถล่มลงมาจากภูเขา ทับทำลายบ้านพักอาศัยจนราบเป็นหน้ากลองถึง 2 ครั้งซ้อน โดยหลังจากเกิดเหตุครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติไปตามระบบราชการ ทั้งอบต.ไม้ฝาด ที่ว่าการอำเภอสิเกา ก็ไร้วี่แววความคืบหน้า มีเจ้าหน้าที่ลงมาดูพื้นที่แล้วบอกให้รอ ตนไปติดตามความคืบหน้าทางอำเภอก็บอกว่าส่งเรื่องไปทางจังหวัดแล้วให้รอ จากนั้นก็เงียบหายไปนานกว่า 2 เดือนแล้ว มีเพียงโรงเรียนที่ลูกๆ เรียนเท่านั้น ที่เข้ามาช่วยเหลือ มาเยี่ยมและมอบเงินช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ แม้จะไม่มากแต่แสดงถึงความมีน้ำใจ เพราะตนหมดทุกอย่างแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง จากสวนปาล์มตรังสู่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรผสมผสานต้นแบบ ขุดสระน้ำเป็นรูปเลข 9 อารบิก สอดคล้องกับแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9
- ตรัง อึ้ง!! เด็ก-เยาวชนหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 6 พันคน ศึกษาธิการตรังสั่งรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูล รับนโยบาย Thailand zero dropout
- ตรัง การแข่งวิ่งสุดสยองชวนขนหัวลุก "วิ่งหนีเมรุ" ทำถึงธีมผีจัดเต็ม นักวิ่ง 300 คนร่วมวงหลอน
- ตรัง "บุญกฐิน-ตักบาตรขนมโค" หนึ่งเดียวในไทย ชาวตรังแห่ร่วมงานทอดกฐินออกโรงทานคับคั่ง
นายเฉลิมพล กล่าวว่า ต่อมาล่าสุด เกิดเหตุฝนตกโคลนถล่มลงมาจากภูเขาอีกเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 1 กันยายน ทำให้บ้านที่พังอยู่แล้ว พักยิ่งกว่าเดิม แต่คราวนี้มีท่อนซุงจากบนภูเขาไหลลงมากับโคลนด้วย จากสภาพท่อนซุงต่างๆ ทำให้ตนเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นบนเขา ที่ทำให้ดินไม่ยึดเกาะจนถล่มลงมาพังบ้านตนถึง 2 ครั้งซ้อน และไม้มีหน่วยงานไหนเข้ามาเหลียวแล โดยที่ดินที่ตนใช้บ้านพักอาศัยนั้นมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์อย่างถูกต้อง มีการขอบ้านเลขที่ ขอไฟฟ้าถูกต้องทุกอย่าง ตนครอบครองที่ดินแปลงนี้ มีเอกสารภ.ทบ.5 และสมุดทะเบียนเกษตรกรหรือสมุดเล่มเขียว ซึ่งตนครอบครองและทำกินมาบนที่ที่ดินแปลงนี้มา 20 ปี แล้ว แต่มาเพิ่งจะสร้างบ้านอยู่อาศัยมา 10 ปี จากเหตุการณ์นี้ทำให้บ้านตนเสียหายทั้งหลังข้าวของเครื่องใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ทำการเกษตร ตนได้เก็บเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมไว้หวังว่าจะซ่อมให้กลับมาใช้ได้ดั่งเดิม หวังจะซื้อใหม่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ไม่มีเงิน สวนยางพาราถูกน้ำและดินถล่ม 100 กว่าต้น สวนปาล์มน้ำมัน 30-40 ต้น ตอนนี้ตนและครอบครัว ซึ่งมีตน ภรรยา ลูก 2 คน ได้อพยพไปอยู่ที่บ้านแม่ภรรยาเป็นการชั่วคราว และภรรยาก็รับไม่ได้จนมีอาการซึมเศร้าต้องพบแพทย์กินยา
นายเฉลิมพล กล่าวว่า ตนและครอบครัวมีความทุกข์อย่างมาก จึงขอวอนความช่วยเหลือ เพราะไปต่อไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำยังถูกคนในชุมชน รวมถึงข้างราชการท้องถิ่นบางคนกดดันข่มขู่ ไม่ให้โพสต์เฟซบุ๊ก ไม่ให้โวยวาย เป็นเพราะมีการทำอะไรบางอย่างกันบนภูเขาหรือไม่ เพราะพื้นที่ภูเขานั้นเป็นที่ป่าสงวน เกิดอะไรขึ้นบนภูเขาดังกล่าว จึงมีดินโคลนถล่มลงมาพังบ้านตนแบบนี้ ตอนนี้ตนไม่เหลืออะไรแล้ว ขอให้เห็นใจกันบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมพลได้นำผู้สื่อข่าว ไปดูสภาพบ้านที่พังราบเป็นหน้ากลอง และเศษดินโคลนเศษหินที่ไหลลงมากองเต็มพื้นที่ พบผนังปูนซีเมนต์แตกหลุดออกเป็นชิ้น ๆ ประตู หน้าต่าง ถูกน้ำพัดจนหลุดออกกองระเนระนาด ภายในบ้านมีน้ำขัง และมีก้อนหินน้อยใหญ่กองอยู่ภายในบ้าน สูงกว่าพื้นบ้านประมาณ 1 เมตร บ่อปลาเสียหาย 1 บ่อ สภาพโดยรอบมีก้อนหินน้อยใหญ่ทับถมเป็นลานกว้างนับไร่ และยังคงมีธารน้ำเล็กๆไหลลงมาตลอดเวลา ส่วนสภาพสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ถูกถล่มเสียหาย 3 ไร่ ท่ามกลางการเดินทางที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องเดินเท้าเข้าไปจากถนนหมู่บ้านเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร เนื่องจากถนนถูกน้ำป่ากัดเซาะทำให้รถเข้าถึงลำบาก
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพร้อมนายเฉลิมพล ได้ขึ้นไปสำรวจบริเวณด้านบนเชิงเขาซึ่งยังเป็นสภาพพื้นที่มีต้นไม้ใหญ่ มีไม้ป่าปกคลุม พบแนวผาดินถล่มเป็นวงกว้าง มีทั้งดินโคลน หิน ต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นลงมาตามกระแสน้ำหลากอยู่กระจัดกระจาย โดยปรากฏพบท่อนซุงขนาดใหญ่ไกลลงมาด้วย และเป็นที่น่าสังเกตว่าซุงดังกล่าวถูกตัดหัวตัดท้าย ไม่มีรากติดมาแต่อย่างใด ทั้งนี้นายเฉลิมพร อธิบายว่า ท่อนซุงลักษณะนี้เป็นฝีมือของขบวนการลักลอบตัดไม้เถื่อน โดยมีการตัดหัวตัดท้ายแล้วเผาอำพรางรอยตัดทั้งหัวท้าย เพื่อให้เนื้อไม้ส่วนใหญ่ไม่เสียหาย สามารถนำไปแปรรูปต่อได้ ขณะที่สามารถตบตาเจ้าหน้าที่และคนทั่วไปได้ว่าเป็นไม้ล้มเองตามธรรมชาติ ซึ่งวิธีการเรียกว่า สีน(ตัด)ขอนนอนไพร ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่รู้กันดี ว่ามีกลุ่มคนขึ้นไปตัดไม้ เพราะบริเวณด้านบนที่ดินทำกินของตนเป็นป่าสงวน ที่มีสภาพเป็นหน้าผาชัน ชาวบ้านเรียกกันว่าสันควนกุน และรอบนี้มีร่องรอยของดินสไลด์ถล่มลงมาที่ชัดเจน มีขนาดพื้นที่เกือบๆ 4 ไร่ โดยในปีที่แล้วเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รุนแรงนัก ส่วนถัดลงมาจากที่ดินเดิมมีบ้านเรือนชาวบ้านที่ปลูกไว้ เพื่อใช้พักดูแลสวนยางพาราที่อยู่ละแวกนี้ แต่ก็ถูกน้ำและดินโคลนถล่ม จนเจ้าของไม่กล้ามาอยู่ และทิ้งร้างไว้กันหมด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: