ตรัง แม่น้อง 4 ขวบ เหยื่อพยาบาลรพ.เอกชนชื่อดังเมืองตรัง ฉีดยาผิดประเภทเข้าขั้นโคม่าเกือบไม่รอด ขอดำเนินคดีถึงที่สุด เผย ไม่ได้รับความคืบหน้าใด ๆ จากรพ. ปัดไม่รับข้อเสนอเยียวยา 8 แสน รักษาฟรี 2 ปี เพราะไม่เชื่อมั่น ร้อง รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ลงมาช่วยเหลือ วอนผู้บริหารบริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่ของรพ.เอกชนดังกล่าว ลงมาแก้ปัญหาเอง ด้าน “สสจ.ตรัง” รูดซิบปาก ไม่ขอแจงผลสอบ โบ้ย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องคู่กรณีผู้เสียหายกับโรงพยาบาล ส่วนผู้ปฏิบัติงาน ได้ส่งเรื่องไปสภาพยาบาล-สภาเภสัชกร ดำเนินการแล้ว
จากกรณีผู้ใหญ่เฟซบุ๊กชื่อ Bowy Kantangrangnok โพสข้อความพร้อมภาพระบุ บุตรชายอายุ 4 ขวบ เข้ารักษาตัวใน โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง 1 คืน ด้วยอาการไข้หวัดธรรมดา แต่ทางแพทย์และพยาบาลพาสไทม์ มีการฉีดยาผิดประเภท โดยเอายาพ่นมาฉีดเข้าเส้นเลือด ทำให้เด็กมีเลือดออกทางปาก ช็อค ตาลอย อาการสาหัส ทางหมอและพยาบาลช่วยกันในห้องฉุกเฉินนานกว่า 4 ชั่วโมง น้องอาการไม่ดีขึ้น ต้องส่งตัวไปยัง โรงพยาบาลตรังเพื่อรักษาอาการต่อ แต่อาการยังทรุด ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีการส่งตัวถึง 3 โรงพยาบาล ระหว่างเคลื่อนย้ายมีเลือดกระเซ็นออกปากตลอดเวลา น้องอยู่ ICU 12 วัน อาการดีขึ้น แต่น้องยังมีผลข้างเคียงคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อย หอบ ระบบประสาทซีกขวาบกพร่อง มีเหงื่อออกซีกซ้ายข้างเดียว ไม่มีเลือดหมุนเวียนในใบหน้าซีกขวา รูม่านตาหด หนังตาตก ต่อมา นายแพทย์สินชัย รองเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้สั่งการด่วนให้รองนายแพทย์สสจ.ตรังและคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้รักษาพยาบาลน้อง พร้อมตั้งข้อสังเกต ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการตรวจสอบ อาทิ เรื่องการขอเปิดสถานพยาบาล ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพด้านเวชกรรม โดยจะเข้าตรวจสอบในประเด็นเรื่องของผู้ให้บริการวิชาชีพเฉพาะสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ที่เข้าไปทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ ว่าได้ยื่นรายชื่อมาที่สสจ.ตรัง ทุกคนหรือไม่ โดยเฉพาะความผิดพลาดที่ทางญาติระบุว่าในการบริหารเรื่องของยา การให้ยาไม่ถูกช่องทาง มอบให้กลุ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ลงไปตรวจสอบเก็บหลักฐานต่างๆ ว่ายาที่ให้เป็นยาอะไร สั่งโดยใคร ผู้รับออเดอร์ครั้งแรกคือใคร ส่งไปที่ห้องยาปล่อยยามาว่าอย่างไร ได้มีการตรวจสอบย้อนกลับ ทวนออเดอร์ ว่ามีความถูกต้องของยาพวกนี้หรือไม่
ทั้งนี้สำหรับ ยาอะดรีนาลีน เป็นยาอันตราย ในการที่สั่งออเดอร์หรือรับออเดอร์จนไปถึงห้องยา ต้องมีความรอบคอบ การให้ก็ต้องถูกช่องทางในการเข้าสู่ร่างกายของคนไข้ ไม่นั้นจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงในฉับพลัน เพราะเป็นตัวยาที่กระตุ้นหัวใจในขณะที่หัวใจหยุดเต้น หรือให้ในขณะที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ให้เป็นยาแก้แพ้ หรือความดันตกลง ซึ่งจะฉีดเข้าตรงที่กล้ามเนื้อหรือทางผิวหนัง ในกรณีที่ภาวะคนเป็นปกติจะไม่ฉีดเข้าเส้นเลือด แต่จะใช้เพื่อขยายหลอดลมด้วยการพ่นละอองฝอย ฉะนั้นหลักการที่จะฉีดอะดรีนาลีนให้เข้าเส้นเลือดได้ในกรณี ช่วยฟื้นคืนชีพเป็นหลักเท่านั้น
สำหรับความคืบล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กันยายน นางสาวสุภิญญา เดือนเป็ง อายุ 35 ปี ชาวอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มารดาของเด็กวัย 4 ขวบดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่จังหวัดตรัง ถึงความคืบหน้าการแสดงความรับผิดชอบ การเยียวยารักษาจากทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวว่า หลังจากที่เป็นข่าวออกมาแล้วจนบัดนี้ทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวก็ยังคงเงียบอยู่ ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด และในทางสสจ.ตรังที่ได้เข้าไปตรวจสอบให้แล้วนั้น ทราบว่าได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงไปบ้างแล้ว แต่ต้องรอให้ทางโรงพยาบาลทำเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเอกสารหนังสือกลับมา แต่ก็ยังไม่เห็น หรือได้รับแต่อย่างใด ในส่วนของการดำเนินคดีในเรื่องแจ้งความได้แจ้งไปแล้ว และทางทนายก็กำลังดำเนินการให้อยู่ โดยทางสภ.เมืองตรัง ได้ออกหมายเรียกให้ทางโรงพยาบาลและตนเองมาสอบปากคำ ซึ่งเบื้องต้นข้อกล่าวหาที่แจ้งไว้ จะเป็นความผิดฐานประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย ในส่วนข้อหาอื่นๆ ยังไม่ได้คุยกัน
ข่าวน่าสนใจ:
- คึกคัก นาย"บุ่นเล้ง" อดีตนายกอบจ.ตรัง นำทีมนายกบุ่นเล้ง สมัครครบ 30 เขต ท่ามกลางกองเชียร์คับคั่ง
- ตรัง "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน" บอกรักทะเลด้วยสองมือ ณ หาดฉางหลาง ทะเลตรัง ก้าวขา-พาสองมือเก็บขยะทะเล รังสรรค์งานศิลป์
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
นางสาวสุภิญญา บอกอีกว่า ในส่วนของอาการของลูกชายขณะนี้ ก็ยังคงมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจหอบ ใบหน้าซีกขวามีหนังตาตกและไม่มีเหงื่อออก ไม่มีเลือดหมุนเวียน รูม่านตาหดตัวลง พบว่าเมื่อเวลาน้องวิ่งเล่นจะมีการวิ่งชนข้าวของเยอะกว่าปกติ และในวันที่ 8 กันยายนนี้ จะมีหมอเกี่ยวกับระบบประสาทและสายตาเข้าตรวจอาการของน้องอีกครั้ง โดยตนเองมีลูกทั้งหมด 4 คนชาย 3 คน หญิง 1 คน ส่วนน้องอรัน เป็นคนสุดท้อง และพวกพี่ๆของน้องก็คอยติดตามข่าวและเป็นห่วงอาการของน้องมาก แล้วตอนนี้ก็มีคุณครูเข้ามาติดตามอาการน้อง พี่ ๆ ก็ช่วยให้ข้อมูลในส่วนนี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าน้องมีผื่นขึ้นตามตัว มีการอักเสบเป็นหนอง อยู่ฝั่งข้างซ้ายที่โดนฉีดยาไปด้วยซึ่งยังไม่ทราบว่าสาเหตุผลพวงมาจากการฉีดยานั้นหรือไม่ ตั้งแต่ที่น้องโดนยาตัวนี้ไปทำให้ป่วยบ่อย เหมือนภูมิคุ้มกันตกลงมา ตอนกลางคืนตนก็ยังมีความรู้สึกวิตกกังวลตลอด ต้องลุกขึ้นมาทุกคืนและคอยจับตัวน้องทุกครั้งว่ายังหายใจอยู่ไหม ต้องคอยนอนจับมือน้องตลอด และจากที่น้องเคยเป็นเด็กอารมณ์ดี ร่าเริง แต่น้องกลายเป็นเด็กที่หวาดกลัวง่าย และมีอารมณ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิม และน้องจะมีอาการกลัวหมอ พยาบาลและโรงพยาบาลไปเลย จะปิดตา หากพูดถึงหมอน้องก็จะบอกว่าอย่าพูดจะปิดหูแล้วไม่อยากฟัง
นางสาวสุภิญญา บอกว่า ทุกเดือนน้องจะต้องไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อตรวจอาการน้องทั้งหมอเด็กและหมอสายตา ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าจะต้องไปตลอดหรือไม่ เพราะน้องยังมีอาการอย่างต่อเนื่อง และคุณหมอยังระบุไม่ได้ว่าน้องจะหายหรือไม่ แล้วตอนนี้ก็จะมีเพียงของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องช่วยดูแลน้อง และน้องต้องทำกายภาพ แต่ที่ไม่ได้ทำต่อเนื่องเพราะจากงานของตนเอง ต้องเดินทางทำงานไม่ได้มีเวลาไปเข้าคอสทำกายภาพ แต่เราก็ช่วยกันทำกันเองในครอบครัว และค่ารักษาพยาบาลนั้นทางครอบครัวต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าหมอ จะต้องดูแลกันต่อไป เพราะเราไม่ได้รับข้อเสนอที่ทางโรงพยาบาลดังกล่าวที่จะรักษาฟรี 2 ปี เพราะว่าเราไม่ไว้ใจเขาแล้ว
“อยากฝากให้สสจ.ตรัง ช่วยติดตามในเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีความเป็นมาอย่างไร ระบบผิดพลาดอย่างไร คุณหมอ เภสัช พยาบาลมีการรับคำสั่งมาแบบไหน ในส่วนนี้อยากช่วยฝากติดตามให้ด้วย ยืนยันว่าทางโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ยังเงียบอยู่ ตอนนี้ระยะเวลาก็ประมาณ 4-5 วันแล้วหลังจากที่ตกเป็นข่าวสารทางสื่อมวลชน ซึ่งหลังเกิดเหตุ ในวันที่ประชุมชี้แจงครั้งแรก ทางโรงพยาบาลก็ได้ออกมาขอโทษ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทางโรงพยาบาลได้บอกกับเราว่าไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร เกิดจากความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งในการประชุมชี้แจงวันนั้น ไม่ได้มีทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลเข้าร่วมประชุม แต่เป็นรองผู้อำนวยการฯมาชี้แจงและกล่าวขอโทษแทน โดยมีหัวหน้าพยาบาลและก็ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ส่วนทางคุณหมอและพยาบาลต้นเรื่องที่รักษาดูแลน้อง ก็ยังไม่เจอเลย” นางสาวสุภิญญากล่าวทั้งน้ำตา
นางสาวสุภิญญา บอกว่า สำหรับประเด็นในกรณีค่าสินไหมตามที่ทนายได้ทำเรื่องไปวงเงิน 10 ล้านบาทนั้น เป็นการคิดค่าสินไหมเบื้องต้นตามอายุ ระหว่าง 4 ปี-60 ปี ซึ่งได้ประเมินจากอาการของน้องและอาการยังบอกไม่ได้ ว่าจะหายหรือไม่ หรือจะคงที่ไหม หรือจะมีอะไรแทรกซ้อนในอนาคต หากพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วน้องจะได้มีเงินไว้เก็บรักษาตนเองได้ และในตอนนั้นทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวได้ตอบรับมา ว่า จำนวนเงินอยู่ที่ 8 แสนกว่าบาท ซึ่งเรามองว่ามันเป็นมูลค่าที่ยังไม่เหมาะสมกับสิ่งที่น้องเจอ จากที่เด็กคนหนึ่งต้องมาเจอกับระบบผิดพลาดของโรงพยาบาล และอาการหนักที่อยู่ใน ICU และอาการผลข้างเคียงระยะยาว เราคิดว่าทางโรงพยาบาลยังรับผิดชอบน้อยไปจริง ๆ
อยากฝากไปถึงทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในตลาดหลักทรัทย์ที่ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลดังกล่าว ให้มาช่วยดูในเรื่องของค่าสินไหมที่เราเรียกร้องไป และช่วยพิจารณาอีกสักรอบ ส่วนบทเรียนของมาตรฐานการรักษาพยาบาลนั้น อยากให้ทางโรงพยาบาลมีการตรวจสอบระบบการสั่งจ่ายยา ให้มีการตรวจสอบเข้มงวดกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางคุณหมอที่สั่งยา ทางเภสัชกรที่จ่ายยา และทางพยาบาลที่เอายามาฉีดให้ผู้ป่วยนั้น อยากให้ช่วยดูและตรวจสอบให้ถี่ถ้วนกว่านี้ ไม่อยากให้เกิดเคสแบบนี้กับใครอีก และตอนนี้ก็ได้พูดคุยกับทางครอบครัวว่า ถ้ายังไม่ได้รับความช่วยเหลือในส่วนนี้ ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด อยากฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ให้ลงมามองปัญหาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับผู้ใช้บริการในสถานพยาบาลหรือภาคเอกชน อยากให้ตรวจเข้มในส่วนของระบบเป็นสำคัญ เพราะหากผิดพลาดไปแล้วจะหมายถึงชีวิต อยากให้ดูแลในส่วนของพยาบาลที่เอามาดูแลผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของยา อยากให้ใช้พยาบาลชำนาญการ ไม่ใช่พาสไทม์ ซึ่งตามระดับจะมีกำหนดว่า สามารถฉีดยาผู้ป่วยได้หรือไม่ ในส่วนนี้จะป้องกันข้อผิดพลาดได้ ดูแลความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ขอติดต่อสัมภาษณ์ นายแพทย์สินชัย รองเดช นายแพทย์สสจ.ตรัง ถึงประเด็นความคืบหน้าการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ได้มีการสั่งคณะกรรมการ สสจ. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว แต่ได้ถูกปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวเพียงว่า ยังไม่อะไรคืบหน้า และเรื่องความคืบหน้าในเรื่องการตกลงนั้น ตนเองขอไม่ยุ่งเกี่ยว ให้ทางแม่ของเด็ก และทางโรงพยาบาลเอกชนไปตกลงกันเอาเอง ในส่วนของทางพยาบาลที่ฉีดยาให้เด็ก สสจ.ก็ได้ทำเรื่องส่งไปยังสภาพยาบาลแล้ว โดยสภาพยาบาลพิจารณากันเอง สสจ.ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ในส่วนของเภสัชกรก็เหมือนกัน ให้ทางสภาเภสัชกรเขาพิจารณากันเอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: