X

ตรัง รายได้ค่าธรรมเนียมอุทยานฯเจ้าไหม พุ่ง หลังถูกตรวจสอบ

ตรัง-รายได้ค่าธรรมเนียมค่าเข้าเที่ยวชมในเขตอุทยานฯหาดเจ้าไหม ดีขึ้นหลักหลายหมื่นบาทต่อวัน บางวันเกือบเหยียบหลักแสนบาท หลังถูกผู้บังคับบัญชา 2 ระดับเข้าตรวจสอบ พร้อมสั่งให้มีการปรับปรุงวิธีการจัดเก็บที่รัดกุมมากขึ้น 

ที่บริเวณท่าเรือปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นประตูสู่ทะเลอันดามัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สังเกตการณ์จัดเก็บธรรมเนียมค่าเข้าเที่ยวชมภายอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบว่า ที่จุดจำหน่ายตั๋วท่าเรือปากเมง เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรัดกุมมากยิ่งขึ้น แม้ทางอุทยานฯจะยังต้องใช้วิธีการฉีกตั๋วเข้าชมด้วยมือ เนื่องจากยังไม่มีการนำวิธีการจัดเก็บแบบ E-tickit มาใช้ ด้วยการให้ไกด์นำเที่ยวของแต่ละบริษัทนำนักท่องเที่ยวมาเข้าแถว และไกด์เข้าไปซื้อตั๋วมาแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าหลักเกณฑ์การจ่ายเก็บไว้กับตัวเองทุกคน ก่อนที่จะเดินทางไปลงเรือ และต้องยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนลงเรือ หากใครไม่มีตั๋วไกด์ก็จะต้องวิ่งกลับไปซื้อมาให้ครบตามจำนวนทุกคน ซึ่งเป็นวิธีการที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯปรับปรุงวิธีการจัดเก็บที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น หลังถูกผู้บังคับบัญชาถึง 2 ระดับ ลงตรวจสอบ จากเดิมที่ท่าเรือปากเมงแห่งนี้ จะใช้วิธีการแบบไว้เนื้อเชื่อใจกันด้วยการที่บริษัทนำเที่ยว โทรแจ้งล่วงหน้าจำนวนตั๋วที่จะซื้อว่าแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวชาวไทย ต่างชาติ เด็ก กี่คนที่จะไปเที่ยวทะเลเขตอุทยานฯก็จะแจ้งความประสงค์ขอซื้อตั๋วตามจำนวนดังกล่าว จากนั้นก็มารับตั๋วตามจำนวนที่แจ้ง ก่อนนำนทท.ลงเรือ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจสอบซ้ำจำนวนนทท.ที่แท้จริงว่าตรงตามจำนวนตั๋วที่ซื้อหรือไม่ ( ซึ่งจะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ผู้สูงอายุ) ส่วนที่จุดจำหน่ายตั๋วบนเกาะกระดาน ก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่วิธีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกลางทะเล บริเวณหน้าถ้ำมรกต ซึ่งจะมีเรือนักท่องเที่ยวต่างชาติจากจังหวัดใกล้เคียงเดินทางตรงมาเข้าเที่ยวชมภายในถ้ำแล้วกลับ โดยไม่ได้แวะจุดจำหน่ายตั๋วบนฝั่งในแต่ละวันจำนวนมาก ยังไม่ทราบว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการจัดเก็บที่รัดกุมขึ้นแบบไหน

แต่ล่าสุด จากการตรวจสอบรายได้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเที่ยวชมในอุทยานฯเจ้าไหม หลังจากที่ถูกผู้บังคับบัญชา 2 ระดับ เข้าตรวจสอบ คือ วันที่ 29 พฤศจิกายน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สุ่มเข้าตรวจสอบโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าบริเวณหน้าถ้ำมรกต และไม่พบเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดเก็บค่าธรรมเนียมบริเวณหน้าถ้ำ พร้อมให้หัวหน้าอุทยานฯหาดเจ้าไหมชี้แจงข้อเท็จจริง และมีการสั่งย้ายหน.อุทยานฯในเวลาต่อมา และวันที่ 4 ธันวาคม นายจรัญ ด้วงแป้น ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) เข้าตรวจสอบซ้ำบริเวณหน้าถ้ำมรกต พบเรือจากจ.กระบี่ นำท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวชม บางลำพยายามบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงไม่จ่ายค่าเข้าเที่ยวชมอุทยานฯ อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่จำนวนน้อย ดูแลเรือที่มาและจัดเก็บไม่ทัน และเรือที่มาเตรียมเงินมาจ่ายไม่ครบตามจำนวนหลายลำ พร้อมสั่งการให้ทางอุทยานฯมีการปรับปรุงรูปแบบวิธีการจัดเก็บที่รัดกุมมากขึ้น

ล่าสุด พบว่า รายได้การจัดเก็บตลอดเดือนนี้ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน นับหลังจากวันถูกตรวจสอบ บางวันได้สูงถึง 60,000 – 70,000 กว่าบาทหรือเกือบเหยียบหลักแสนบาท เช่น วันที่ 30 ธค.เก็บได้ 21,160 บาท ,วันที่ 1 ธค. เก็บได้ 25,780 บาท, วันที่ 2 ธค.เก็บได้ 34,550 บาท , วันที่ 3 ธค.เก็บได้ 36,090 บาท ,วันที่ 4 ธค.เก็บได้ 36,740 บาท ,วันที่ 5 ธค.เก็บได้ 37,000 บาท , วันที่ 6 ธค. เก็บได้ 61,260 บาท ,วันที่ 7 ธค. เก็บได้ 64,030 บาท , ,วันที่ 8 ธค.เก็บได้ 66,530 บาท ส่วนช่วงวันหยุดยาว เช่น วันที่ 9 ธค.เก็บได้ 51,240 บาท , วันที่ 10 ธค. เก็บได้จำนวน 72,010 บาท ,วันที่ 11 ธค.37,520 บาท ,วันที่ 12 ธค.35,000 บาท , วันที่ 13 ธค.จัดเก็บได้ 53,470 บาท ,วันที่ 15 ธค.เก็บได้ 37,420 บาท ,วันที่ 16 ธค. เก็บได้ 72,340 บาท และวันที่ 17 ธค.เก็บได้ 59,690 บาท แสดงให้เห็นว่าการจัดเก็บรัดกุมมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากตัวเลขการจัดเก็บเมื่อเดือนพฤศจิกายนอย่างชัดเจน โดยเก็บได้แค่หลักหมื่นบาท แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท บางวันได้แค่ 7,000 กว่าบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำวิธีการจัดเก็บค่าเข้าชมอุทยานฯแบบ E-tickit มาใช้ นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม เป็นต้นไป นำร่อง 6 อุทยาน แต่ไม่มีอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน