ตรัง-เกษตรกรร้องโคราคาตกต่ำ ทั้งโคพรีเมียม และโคพื้นเมือง โดยราคาโคมีชีวิต หรือราคาโคทั้งตัวเกษตรกรขายได้กก.ละ 50-65 บาทเท่านั้น แต่ขณะที่ราคาเนื้อโคในตลาดยังสูงกก.ละ 250 บาท ทำเกษตรกรขาดทุนยับ หลายรายเลิกเลี้ยง และอีกจำนวนมากกำลังขาดเงินเงินทุนหมุนเวียนกำลังจะเลิกเลี้ยง เชื่อสาเหตุเกิดจากการลักลอบนำเข้าโคมีชีวิตและชื้นส่วนเนื้อโคจากต่างประเทศ วอนรัฐเร่งปราบปราบขบวนการลักลอบนำเข้าโคมีชีวิต และลักลอบนำเข้าเนื้อวัวเถื่อน และเร่งช่วยเหลือ ทั้งการหนุนให้มีโรงเชือด โรงบ่มเนื้อ และโรงแปรรูปเป็นของชุมชน เพื่อให้เกษตรกรพึ่งพาตนเอง สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง และเตรียมยื่นหนังสือต่อรมว.เกษตรและสหกรณ์ในเร็วๆนี้
ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคพรีเมี่ยมและโคพื้นเมืองท่าสะบ้า หมู่ที่ 3 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคเนื้อพื้นเมือง และโคพรีเมี่ยม จำนวน 5 กลุ่ม จากอ.วังวิเศษ ,อ.รัษฎา และอ.ห้วยยอด ประมาณ 10 คน ซึ่งมีการเลี้ยงโคเนื้อพื้นเมืองและโคพรีเมี่ยมตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคของจังหวัดตรัง รวมตัวร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เนื่องจากขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากการขายโคไม่ได้ และที่ขายได้ก็ประสบกับปัญหาราคาตกต่ำที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยจากเดิมเคยขายได้ราคากก.ละ 110 บาท แต่ปัจจุบันราคาตกต่ำที่สุดเหลือประมาณกก.ละ 50 -65 บาทเท่านั้น ทำให้เกษตรกรทุกราย ทุกกลุ่มประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เกษตรกรจำนวนมากเลิกเลี้ยง และอีกจำนวนมากกำลังจะเลิกกิจการ รวมทั้งโคที่เหลือในฟาร์มจำหน่ายออกไม่ได้อีกจำนวนมาก โดยทั้ง 5 กลุ่ม ขณะนี้มีโครวมกันประมาณกว่า 400 ตัว ประมาณ 200 ตัวจำหน่ายออกไม่ได้ ต้องทนเลี้ยงต่อไป โดยเกษตรกร บอกว่า ราคาตกต่ำมานานกว่า 1 ปีแล้ว เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากการลักลอบนำเข้าโคมีชีวิต และมีการลักลอบนำเข้าเนื้อวัวเถื่อน เพราะที่ผ่านมาก็มีข่าวเจ้าหน้าที่จับกุม และตรวจยึดได้จำนวนมากมาตลอดระยะเวลานานหลายเดือนแล้ว เชื่อว่าส่วนที่รอดจากการตรวจพบ และมีการส่งจำหน่ายในตลาดยังมีอีกจำนวนมาก จึงทำให้เนื้อโคพรีเมียมและโคพื้นเมืองของเกษตรกรราคาตกต่ำ และขายไม่ได้มาจนถึงขณะนี้ ส่วนที่ขายออกได้บ้างก็ได้ราคาต่ำเหลือกก.ละ 50 -65 บาทเท่านั้น จากที่เคยขายได้กก.ละ 110 บาท แต่ขณะที่ราคาเนื้อโคในท้องตลาดราคายังสูงกก.ละ 250 บาท จึงทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนักทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมียม และโคพื้นเมืองในจ.ตรังเท่านั้นที่เดือดร้อนเชื่อว่าเป็นเหมือนกันหมดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ราคาต่ำขนาดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตแต่ขณะนั้นต้นทุนไม่ได้สูงขนาดนี้ แต่ขณะนี้ต้นทุนทุกอย่างแพงทั้งหมด จึงทำให้ครั้งนี้ราคาตกต่ำที่สุดและกระทบเกษตรกรจนอยู่ไม่ได้มากที่สุด ซึ่งกลุ่มที่เลี้ยงโคพรีเมี่ยมต้นทุนอาหารจะแพงมาก เพราะต้องใช้อาหารที่ปลอดสารพิษ และเลี้ยงโดยธรรมชาติ จะต้องมีกากน้ำตาล ยีส เปลือกข้าวโพด ซึ่งต้องสั่งมาจากที่อื่น จึงทำให้ต้นทุนการเลี้ยงโคพรีเมี่ยมต้นทุนจึงสูงมาก เพราะได้เนื้อที่ปลอดภัย 100% ดังนั้น ในเมื่อตลาดไปไม่ได้ เกษตรกรจึงอยากจะทำการแปรรูปกันในชุมชน เพื่อที่จะดันราคาเนื้อโคพรีเมียมให้สูงขึ้นมาได้ จึงเรียกร้องขอให้ 1.รัฐเร่งปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าโค และเนื้อโคเถื่อน โดยดำเนินการกวาดล้างและเอาผิดอย่างจริงจังเช่นเดียวกับการกวาดล้างขบวนการค้าหมูเถื่อน รวมทั้งขอ 1.โรงเชือกด 2.โรงบ่ม และ 3. โรงแปรรูป ซึ่งหากกวาดล้างได้ และมีทั้ง 3 โรงนี้ จะทำให้เพิ่มมูลค่าวัวได้มากขึ้น อยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะถ้ากวาดล้างได้ และเกษตรกรเติบโตได้ด้วยตัวเองเกษตรกรไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ไม่ต้องถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาในขณะที่ราคาเนื้อวัวในท้องตลาดยังสูงมากกก.ละ 250 บาท แต่พอพ่อค้าคนกลางมาซื้อวัวจากเกษตรกรราคาวัวทั้งตัวเหลือกก.ละ 50-65 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมาก ดังนั้น หากเกษตรกรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐจะสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร จะเป็นโมเดลให้จังหวัดอื่น หรือกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดอื่นๆสามารถต่อยอดนำแนวทางไปทำเองได้เช่นกัน เพราะเนื้อวัว ยังคงมีความต้องการสูงในตลาด
ทั้งนี้ เกษตรกรให้รายละเอียดว่า ราคาฟางก้อนละ 100 บาท , ยีส กระสอบละ 100 อาหารกระสอบละ 350-400 บาท ,หญ้าสับ ถุงละ 15 กก. ราคากระสอบละ 50 บาท เอาไว้สำหรับนำไปผสมอาหาร โดยรวมราคาอาหารตกกก.ละ 13-14 บาท โดยโค 1 ตัว จะกินอาหารวันละประมาณ 2% ของน้ำหนักตัว เช่น หากโค น้ำหนัก 500 กก.จะต้องให้อาหารให้ได้วันละ 10 กก. หากเป็นอาหารข้นตกประมาณ 130 บาทต่อวันต่อตัว ไม่รวมอาหารหยาบ ( หญ้า) ทั้งหมดสำหรับโคพรีเมียมเป็นต้นทุนที่สูงมาก และเมื่อขายโคไม่ได้ โคทุกตัวจึงต้องเลี้ยงต่อไป ทำเดือดร้อนหนักดังกล่าว ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตรกรเตรียมเข้ายื่นหนังสือต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีกำหนดจะลงพื้นที่จ.ตรังต่อไปด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: