ตรัง–บ่งต้อด้วยหนามหวายศาสตร์แพทย์พื้นบ้านรักษาผู้ป่วยโรคตา เป็นแพทย์ทางเลือกให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันพบผู้มีอาการป่วยทางตาอายุน้อยลงเรื่อย ๆ 20 กว่าปีขึ้นไป ก็มีอาการป่วยทางตาเพิ่มมากขึ้น สาเหตุหลักจากการทำงานหน้าคอม โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน
แพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมีมากมายให้สามารถนำมาดูแลรักษาอาการป่วยของคนไทยในยุคปัจจุบันได้มากมายหลายโรค โดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์ปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งสามารถลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้อย่างมากมาย
โดยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพรุจูด ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง แผนกแพทย์แผนไทย ได้เปิดทำการรักษาโรคต้อต่างๆ ทั้งต้อเนื้อ ต้อลม ต้อหิน ต้อกระจก และอาการเจ็บ แสบ ระคายเคืองนัยตา อื่นๆ ด้วยหนามหวาย ด้วยศาสตร์การแพทย์พื้นบ้าน หรือเรียกว่าการบ่งต้อด้วยหนามหวาย ซึ่งเปิดให้บริการมานานหลายปี ได้หยุดชะงักไปช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยพบว่าแต่ละครั้งที่มีการนัดหมายนั้นจะมีประชาชนทั้งในพื้นที่ รวมทั้งในอำเภอห้วยยอด และต่างอำเภอ รวมทั้งคนที่รับทราบข้อมูลข่าวสารจากต่างจังหวัด จองคิวเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ทางรพ.สต.บ้านพรุจูดสามารถรับคนไข้ได้ครั้งละ 20 คนเท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยที่มีความรู้ทางด้านนี้มีเพียง 1 คนเท่านั้น โดยวันกำหนดนัดหมายนั้น จะต้องเป็นวันที่ไม่ตรงกับวันพระต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน คือ แต่ละครั้งจะต้องทำการรักษาต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน และไม่มีวันใดตรงกับวันพระ
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับคนไข้ที่เดินทางมารักษาด้วยการบ่งต้อ ต่างบอกว่ามีอาการทางตาที่แตกต่างกันไป ทั้งต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อลม ที่ไปรักษามาหลายที่แล้วแต่ไม่หาย ไม่อยากผ่าตัด รวมทั้งอาการแสบตา น้ำตาไหล พอทราบว่ามีการรักษาของแพทย์แผนโบราณ จึงมารักษาด้วยพบว่าอาการดีขึ้น และไม่เจ็บแต่อยากใด เพราะไม่ได้บ่อที่นัยน์ตา แต่บ่งที่แผ่นหลังจึงไม่เจ็บแต่อย่างใด และเป็นแพทย์แผนไทยโบราณที่สืบทอดกันมา จึงเชื่อว่าแพทย์แผนไทยเป็นแพทย์ทางเลือกให้แก่ประชาชนได้ และได้ผลดีในการรักษา บางคนรักษาเป็นครั้งที่ 2 บางคนรักษาต่อเนื่องกันมาหลายครั้งแล้ว พอหายก็หยุด พอมีอาการก็กลับมารักษาอีก แต่ยอมรับอาการดีขึ้นทุกราย
ข่าวน่าสนใจ:
ผู้ป่วยที่มารักษา บอกว่า เริ่มต้นจากอาการแสบตา น้ำตาไหล ตาไม่สู้แสง มาทำเป็นครั้งที่ 2 รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก สาเหตุคิดว่า อาจเกิดจากการนั่งหน้าจอคอมนานๆ น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญ นอกจากนั้นคงเพราะ แสง ฝุ่น
เช่นเดียวกับอีกหลายคน มีอาการแสบตา พร่ามัวบ้างบางครั้ง อาจจะเป็นเพราะขับรถจักรยานยนต์ ทำมาหลายครั้งพอมีอาการก็จะไปรักษาด้วย ทุกครั้งที่มีอาการก็มาพึ่งแพทย์ไทยในการบ่งต้อรักษาการ เพราะมีอาการดีขึ้นทุกครั้ง
นางสาวนภัสนันท์ รอดริน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพรุจูด ต.บางดี อ.ห้วยยอด บอกว่า การรักษาอาการเจ็บป่วยทางตาด้วยการบ่งต้อด้วยหนามหวาย เริ่มแรกเมื่อปี 2562 หลังจากคนเริ่มใช้โทรศัพท์กันมากขึ้น ปัญหาเรื่องตาจึงมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยของ รพ.สต.บ้านพรุจูด คือ นางสาวสุดารัตน์ ทองส่งโสม ซึ่งมีใบอนุญาตประกอบแพทย์แผนไทยเพียงคนเดียวของรพ.สต.บ้านพรุจูด จึงได้ไปอบรมกับอาจารย์ด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่โรงพยาบาลห้วยยอด เพื่อจะได้ทำความรู้มาช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ให้เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องต้อไม่ว่าจะเป็นต้อลม ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อกระจก หรือมีอาการน้ำตาไหล แสบตา สำหรับคนที่อยากจะมาทดลอง แต่พอเริ่มทำปรากฏว่าอาการดี ตาใสขึ้น จึงบอกต่อปากต่อปาก จึงให้บริการประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการนัดหมายทางกลุ่ม LINE แพทย์แผนไทยของ รพ.สต. ก็จะดูวันใน 3 วันที่ไม่ตรงกับวันพระจะต้องทำต่อเนื่องกัน 3 วันติดต่อกัน ก็เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในอำเภอ ทั้งต่างจังหวัด แรกเริ่มจะเป็นผู้สูงอายุ มาครั้งละ 2-3 คน แต่ตอนนี้ครั้งละ 20 คน ซึ่งรับได้แค่ 20 คนเท่านั้น เพราะเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยที่มีความรู้ด้านนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นต้องทำตลอดทั้งวันและต่อเนื่องกัน 3 วันต่อครั้ง
โดยตอนแรกเริ่มจากผู้สูงอายุแล้ว ยังมีอายุตั้งแต่ 30 กว่าปี ก็มีปัญหาเรื่องน้ำตาไหลแสบตามากขึ้น สาเหตุมาจากการอยู่หน้าคอม หน้าโทรศัพท์เป็นเวลานาน แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันก็พบว่ากลุ่มเสี่ยงเพิ่มอีกกลุ่มคือ อายุตั้งแต่ 20 กว่าปีก็เริ่มจะมีอาการตาแดงหรือปวดตาเพิ่มมากขึ้น สาเหตุเนื่องจากการใช้สายตาเป็นเวลานานในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ทำให้คนเสี่ยงโรคอาการทางตามากขึ้น
ทั้งนี้ การบ่งต้อด้วยหนามหวาย ผ่านบริเวณแผ่นหลัง เนื่องจากบริเวณแผ่นหลังจะมีจุดสะท้อนไปยังดวงตา ซึ่งโรคตาแต่ละชนิดจะมีจุดสะท้อนเฉพาะจุดของแต่ละคนอยู่บริเวณแผ่นหลัง เมื่อใช้ส่วนแหลมของหนามหวายบ่งลงไปจะพบใยต้อปรากฎอยู่ที่จุดดังกล่าวของแผ่นหลัง พอสะกิดและดึงใยต้อดังกล่าวออกจะสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดลมไปเลี้ยงดวงตาได้ดีขึ้น
สำหรับสิ่งที่ต้องเตรียมมาสำหรับไหว้ครูคือ กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี เทียนขาว 1 เล่ม เงินยกครู 12 บาทข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยบ่งต้อ คือ 1.ห้ามรับประทานกล้วยกล้วย และกล้วยแปรรูปทุกชนิด ตลอดระยะเวลาการรักษา 3 วัน เนื่องจากกล้วยเป็นของไหว้ครู และกล้วยมีสารโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้แผลที่เกิดจากการบ่งต้อปิดเร็วขึ้น ทำให้ประเมินอาการจากจุดต้อได้ยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษานานขึ้น 2.ห้ามรับประทานของหมักดองทุกชนิด เป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากของหมักดองมีรสเค็ม ส่งผลให้ปิตตะ( ไฟ) วาตะ(ลม) และเสมหะกำเริบขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต้อ อีกทั้งการรับประทานอาหารรสเค็มมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสะสมโซเดียมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นโรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคต้อ 3.หลีกเลี่ยงการรับประทานหน่อไม้และชะอมเนื่องจากมีสารพิวรีน ปริมาณค่อนข้างสูงซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตกรดยูริกหากร่างกายเกิดการสะสมกรดยูริกมากเกินไปจะทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นได้ 4.หลีกเลี่ยงการโดนลมโดนแสงโดนฝุ่นและหลีกเลี่ยงเหงื่อเข้าตาเนื่องจากเป็นปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดโรคต้อลมและโรคต้อต่างๆ และ 5.ห้ามยกของหนักส่งผลทำให้เกิดความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้มีโอกาสเป็นโรคต้อหินได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: