ตรัง –กลุ่มเปราะบางยังแห่รับเงินหมื่นทุกคนยิ้มดีใจโชว์เงิน บางรายยอมรับจะเอาส่วนหนึ่งไปใช้หนี้ พร้อมเรียกร้องรัฐมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ผู้พิการทุกคน หลังพบปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยผู้พิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยได้รับเงินช่วยเหลือตกเดือนละ 1,300 บาท ขณะที่กลุ่มผู้พิการที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรับเฉพาะเบี้ยผู้พิการแค่เดือนละ 800 บาทเท่านั้น ทั้งที่ผู้พิการทุกคนสภาพชีวิตไม่ได้แตกต่างกัน
ตลอดทั้งวันนี้ที่ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทุกแห่งใน จ.ตรัง หนาแน่นไปด้วยประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาลเป็นกลุ่มแรก ต่างเดินทางไปที่ธนาคาร และตู้เอทีเอ็ม เพื่อถอนเงินกันไม่ขาดสาย โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ บางธนาคารเปิดช่องทางด่วน เพื่อบริการประชาชน
โดยเฉพาะที่ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาตรัง พบว่าหนาแน่นไปด้วยประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ให้ญาติพี่น้องพาไปถอนเงินกับธนาคาร โดยบางรายถอน 9,000 บาท บางรายถอน 8,000 บาท เหลือติดบัญชีไว้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งต่างก็บอกว่า ดีใจมากที่ได้รับเงิน 10,000 บาทแล้ว ยืนยันจะเอาไปซื้อของใช้จำเป็นในครัวเรือน แต่ก็มีบางรายที่ยอมรับว่าเป็นหนี้ จะนำเงินส่วนหนึ่งไปปลดหนี้ เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้เดือดร้อน
ขณะที่เครือข่ายผู้พิการ จ.ตรัง ก็บอกว่า ดีใจที่รัฐบาลช่วยเหลือตรวจสอบสิทธิแล้วพบว่า ผู้พิการใน จ.ตรังรวม 20,000 กว่าคน มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาลกันทุกคน ทุกคนต่างก็ดีใจได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในสั่งที่จำเป็นเท่านั้น ในครัวเรือน ในชีวิตประจำวัน
โดยนางสาวสุกานดา สุริยะรังษี ประธานชมรมคนพิการเทศบาลนครตรัง เครือข่ายผู้พิการจังหวัดตรัง บอกว่า นอกจากเงิน 10,000 บาทที่ได้รับแล้ว ส่วนตัวและผู้พิการอีกจำนวนมาก อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้แก่คนพิการ เนื่องจากขณะนี้ผู้พิการได้รับสวัสดิการจากรัฐแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ผู้พิการจำนวนหนึ่งได้รับเบี้ยผู้พิการเดือนละ 800 บาทแล้ว ยังมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับซื้อสิ่งของยังชีพอีกเดือนละ 300 บาท และโอนเพิ่มมาให้กับเบี้ยความพิการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาท รวมเดือนละ 500 บาท รวมผู้พิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยนั้น ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 1,300 บาท แต่ขณะที่ผู้พิการอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเพียงเบี้ยยังชีพผู้พิการเดือนละ 800 บาทเท่านั้น ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ได้แตกต่างกัน โดยคนที่ไม่ได้พบว่าไม่ผ่านเกณฑ์เช่น มีเงินเข้าบัญชีเกินปีละ 100,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนั้นส่วนราชการควรจะเข้าใจว่า ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางครอบครัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ช่วยโอนมาให้จุนเจือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ไม่ใช่เป็นรายได้ รัฐควรทบทวนสวัสดิการช่วยเหลือคนพิการด้วยการมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมือนกันทุกคน หรือยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ได้ แต่เพิ่มเบี้ยยังชีพเป็นเดือนละ 1,500 บาทเท่ากันทุกราย จะได้ไม่เหลื่อมล้ำและช่วยเหลือผู้พิการในการดำรงชีพได้
