ที่ศูนย์ป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองตรัง ตำรวจป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองตรัง นำโดย ร.ต.อ.สัญญา ไพศาล รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม นำตัว 2 คู่ซี้ พระ และฆราวาส ทั้งคู่อยู่ในสภาพเมาแอ๋เหม็นกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง โดยเฉพาะคนที่แต่งกายเป็นพระ พูดจาเอะอะโวยวายตลอดเวลา โดยนำมาสงบสติอารมณ์ พร้อมทรัพย์สินส่วนตัว ทั้งบาตร เต้นท์นอน ถุงใส่ของใช้ส่วนตัว หลังจากได้พากันไปอาละวาดที่ร้านกาแฟใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครตรัง และประกาศว่าตนเองมีปืน ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัว จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.เมืองตรัง รีบเดินทางไปตรวจสอบและควบคุมตัวมาสอบสวนและสงบสติอารมณ์ สภ.เมืองตรัง
และเมื่อตรวจค้นสัมภาระ พบขวดเหล้าขาวเปล่า 1 ขวด เหล้าหมดแล้ว และขวดน้ำขนาดเล็ก แต่ภายในบรรจุเหล้าขาวที่เหลืออีกค่อนขวด เมื่อขอดูหลักฐานการบวชเป็นพระก็ไม่มี มีแต่บัตรประชาชนทราบชื่อนายนพดล ชัยสุข อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/9 ถนนรัษฎา ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง โดยบอกว่า ตนเองเพิ่งบวชได้ 1 พรรษา ส่วนเพื่อนคู่ซี้ที่เป็นฆราวาส ไม่พกบัตรประชาชนมีเพียงเอกสารแจ้งความลงบันทึกประจำวันของ สภ.รัตภูมิ ที่ระบุว่าถูกชายไทย 2 คน รับมาจากหัวลำโพง กรุงเทพฯ เพื่อจะมาทำงานในสวนปาล์มน้ำมัน จ.สงขลา แต่เมื่อมาถึง อ.รัตภูมิ ก็ถูกชาย 2 คนดังกล่าวทิ้ง ทำให้กระเป๋าสัมภาระและเงิน 1,000 บาท ติดไปกับรถยนต์ของชาย 2 คนดังกล่าวด้วย จึงแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ระบุชื่อ นายสายชล ขำมา อายุ 48 ปี ชาวอำเภอเมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร
โดยทางตำรวจยังได้นำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดด้วย แต่ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด เมื่อสอบถามที่มาที่ไป ปรากฏว่าพูดจาวกไปวนมา เอะอะโวยวาย พร้อมประกาศ ใครก็ไม่สามารถจับตนเองสึกได้ ต่อให้เป็นพระสมเด็จก็สึกตนเองไม่ได้ รู้จักพระผู้ใหญ่ และผู้มีอิทธิพลหลายคนไม่มีใครสามารถจะสึกตนเองได้ และตนเองไม่มีความผิดอะไร โดยในคลิปจะเห็นว่าพระรูปดังกล่าวเอะอะโวยวายใส่ตำรวจตลอดเวลา เมื่อตำรวจบอกว่า บิณบาตรขอข้าวชาวบ้านกินแล้วทำตัวแบบนี้ใช้ไม่ได้ พระก็เถียงบอกว่า ก็อย่าทำให้เขาเห็นสิ…..
เมื่อตำรวจและผู้สื่อข่าว สอบถามที่มาที่ไปว่ามาจากไหน บวชที่วัดไหน จะไปไหน ก็พูดจาวกไปวนมา บ้างก็บอกว่า บวชพระที่จ.สงขลา แล้วเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน พร้อมเพื่อนที่รักกันมาก และบางครั้งก็บอกว่า บวชที่วัดแห่งหนึ่ง ในอ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน โดยพระพูดจาแต่ละครั้ง แต่ละคำ ไม่เหมือนกัน บางครั้งบอกว่า ปกติตนเองไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ วันนี้วันแรกที่กินเหล้า พร้อมหาตัวช่วยยืนยันคือ เพื่อนซี้ เรียกชื่อเล่นเพื่อนว่า “ ไอ้ต่อ” ด้านเพื่อนซี้ “ ไอ้ต่อ” ก็บอกว่า กินทุกวัน กินบ่อย วันนี้กินเหล้าพร้อมกับแกล้มไปทั้งหมด 1,200 บาท ด้านเพื่อนพระก็ปฏิเสธพัลวัน บอกว่า ไม่เคยดื่ม ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็หลุดพูดว่ากินแต่เหล้า ยาเสพติดไม่เคยยุ่งเกี่ยว แล้วตนเองผิดอะไร ทำไมต้องสึกจากพระ แค่กินเหล้าไม่ได้ถึงขั้นปราชิก พร้อมทวงบุญคุณเพื่อนว่าตนเองบิณบาตรหาเลี้ยงอยู่เอง ข้าว เหล้า อาหารก็ซื้อเลี้ยงเอง ทำไมไม่เข้าข้าง พร้อมกันนั้น ทางพระได้โทรวีดีโอคอลหาอดีตภรรยา ซึ่งเป็นชาว จ.สงขลา ซึ่งเลิกรากันไปนานเป็น 10 ปีแล้ว เพื่อให้ยืนยันว่าตนเองไม่เคยดื่มเหล้า แต่เมื่ออดีตภรรยาได้คุยกับตำรวจ และผู้สื่อข่าว ทางอดีตภรรยายืนยันว่า อดีตสามีชอบดื่มเหล้า ตนเองเลิกกันมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่เมื่อวานนี้เขาติดต่อขอไปเยี่ยมลูก ตนเองก็อนุญาต และทราบว่ายังดื่มเหล้าแบบนี้ ก็ขอให้ตำรวจจับสึก ไม่เช่นนั้นจะทำให้เสื่อมเสียวงการพระสงฆ์ ตนเองไม่เข้าข้าง ไม่เห็นด้วย ถ้าขี้เมาก็ไม่ควรบวชเป็นพระ จะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อพูดไปมาทำให้จับใจความได้ว่า พระรูปนี้บวชที่จ.สุราษฎร์ธานี ไปเยี่ยมลูกที่จ.สงขลาและไปไหนมาไหนกับเพื่อนซี้คนนี้เป็นประจำ เมาด้วยกัน ค่ำไหนนอนนั่น ตอนเช้าก็ไปบิณฑบาตร นำอาหารมากินกันเลี้ยงเพื่อนด้วย ท้ายที่สุด ทางตำรวจได้นำตัวไปพบ พระมหาสุวรรณ วิชชาธโร เจ้าอาวาสวัดนิโครธาราม เจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง เพื่อให้ทำพิธีลาสิกขาให้ แต่เจ้าตัวไม่ยอม โต้เถียงตลอดเวลายืนกรานไม่ยอมสึก สุดท้ายต้องหิ้วปีกเข้าไปทำพิธีลาสิกขา สุดท้ายเมื่อจับถอดผ้าเหลืองได้สำเร็จ ก็หน้าถอดสี จ๋อย ยืนให้พระ และทางตำรวจอบรมสั่งสอนไปหลายคำ และบอกว่า ถ้ายังดื่มเหล้าอย่ากลับมาบวชอีก จะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย ทั้งนี้ กว่าจะจับสึกได้สำเร็จใช้เวลาตั้งแต่บ่าย 2 โมง จนถึง บ่าย 4 โมงครึ่ง หรือกว่า 2 ชม.ครึ่ง
ด้าน ร.ต.อ.สัญญา ไพศาล รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม บอกว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีพระ และฆราวาสเมาแล้วอาละวาด ไปด่าทอชาวบ้านกลิ่นสุราเหม็นหึ่ง ใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบก็พบเห็นทั้งคู่เมาอาละวาดจะเชิญมาโรงพัก ก็ไม่ยอม จึงต้องบังคับจับใส่กุญแจมือกุมตัวมาโรงพัก ด่าทอชาวบ้านไปทั่ว บอกว่าตัวเองเป็นพระกินเหล้าแล้วผิดตรงไหน จึงต้องใส่กุญแจมือเอามาจะพาไปหาพระฝ่ายปกครองเพื่อให้จับสึก แต่ไม่ยอมไป เท่าที่จับใจความได้ทราบว่าบวชที่วัดแห่งหนึ่งในจ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นพากันไปเยี่ยมลูกที่จ.สงขลา และเดินทางมาที่จ.ตรังแบบว่าค่ำไหนนอนนั่น กินเหล้าเมายา ตอนเช้าก็บิณฑบาตเอาอาหารมากินกัน วนเวียนแบบนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: