ที่โรงเรียนอนุบาลตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงป.6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการเปิดตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการเปิดตลาดจำหน่ายพืช ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษ น้ำดื่ม น้ำสมุนไพร ขนม เสื้อผ้า เสื้อผ้ามือสอง ทั้งของตนเอง ของแม่ รองเท้า สินค้าเบ็ดเตล็ด รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากฝีมือนักเรียน โดยตลาดนัดดังกล่าวนี้จะเป็นการเปิดตลาดเฉพาะวันจันทร์ กำหนดเดือนละ 2 ครั้ง โดยให้นักเรียนแต่ละสายชั้น ทั้งระดับอนุบาล 1 ถึงชั้น ป.6 หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบตลาดนัดตลอดปีการศึกษาทุกเดือน สถานที่จำหน่ายใต้อาคารเรียน 6 โดยราคาจำหน่ายกำหนดไว้ชิ้นละไม่เกิน 20 บาท โดยในวันนี้ที่พามาชมตลาดนัด เป็นหน้าที่ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ทำหน้าที่รับผิดชอบเปิดตลาดนัด
โดยผู้สื่อข่าวไปดักรอสังเกตุบรรยากาศตั้งแต่เช้าที่น้องๆ เดินทางมาโรงเรียน โดยพบว่าน้องๆนักเรียนระดับชั้นป.5 ทุกคน แต่ละคนก็จะจัดเตรียมของที่จะนำมาจำหน่ายมาจากบ้านทั้งพืชผัก ผลไม้ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆที่ปลูก และเลี้ยงไว้กินที่บ้าน ขนมต่างๆที่ผู้ปกครองทำขาย เสื้อผ้ามือสอง รองเท้า หรือของอื่นๆที่ซื้อมาเพื่อนำมาจำหน่ายในตลาดนัด เช่น ตุ๊กตา น้องๆต่างพากันมาจากบ้าน เพื่อเตรียมวางจำหน่าย นอกจากขายรายบุคคลแล้ว ยังมีการรวมกลุ่มรวมสินค้ามาขายด้วยก็มี โดยน้องๆบางคน ลงจากรถผู้ปกครอง พี่ป.5 ก็ให้น้องช่วยหามกะละมัง ซึ่งภายในเต็มไปด้วยพืชผักปลอดสารพิษที่เก็บมาจากบ้านและมัดเป็นมัดมาแล้วเตรียมนำไปวางขาย เช่น ใบชะมวง ตะไคร้ ผักหวาน คนอื่นๆก็อาจนำ ผักบุ้ง ผักเหมียง กล้วย บวบ พริก มะนาว เป็นต้น หรือเรียกได้ว่าอะไรที่มีในสวนก็นำมาวางจำหน่าย บางบ้านที่แม่ทำขนมขาย น้องๆก็ขนขนมเอามาขาย หรือบางคนก็ซื้อมา เพื่อนำมาขายทำกำไร ทั้งนี้ ตลาดนัดจะเริ่มเปิดในเวลา 07.00-08.30 น. โดยเฉพาะแม่ค้าที่ขายของ ขายอาหาร หรือแม่ครัวของโรงเรียน จะรีบมาเดินสำรวจสินค้าและรีบซื้อก่อนใคร รวมทั้งคุณครู และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังร้องเพลงเคารพธงชาติ และสวดมนต์ไหว้พระเสร็จสิ้น ทางโรงเรียนก็จะเปิดโอกาสให้พี่ๆน้องๆคุณครูทุกระดับชั้นมาเดินซื้อของกันได้ ก่อนจะเก็บตลาดและแยกย้ายกันเข้าเรียนหลังเวลา 08.30 น. ทำให้บรรยากาศใต้อาคารเรียน 6 ตลาดนัดชั่วคราวของน้องๆ คึกคัก ครึกครื้น สนุกสนานไปกับบรรยากาศการค้าขายด้วยสินค้าที่มีหลากหลาย
ขณะที่พ่อค้าบางคนงัดกลยุทธ์ทางการตลาดมาเรียกลูกค้าด้วย เช่น เด็กชายชยพล เพ็ชรแก้ว นำไข่ไก่อารมณ์ดีมาวางขายจำนวน 1 แผง โดยพ่อค้าสวมหน้ากากไก่ เพื่อสร้างจุดขายดึงดูดลูกค้า พร้อม ภาพป้ายระบายสีเขียนข้อความว่า “ บ้านสวนไข่ไก่ ฟองเล็กฟองใหญ่เราใส่ใจทุกๆฟอง” โดยราคาขายฟองละ 4 บาท โดยน้องชยพล บอกว่า ที่บ้านเลี้ยงไก่ไข่ไว้กินเองจำนวน 6 ตัว ซึ่งแต่ละวันก็กินไข่ไม่หมดที่เหลือก็นำมาขาย โดยตลาดนัดแห่งนี้ สอนให้ตนเองเรียนรู้การทอนเงิน เรียนรู้การทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วย และสนุกมากได้มาขายไข่ไก่ที่ตนเองเลี้ยงเอง
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง "ตลาดนัดคึกคัก! 'ทีมบุ่นเล้ง' ลุยหาเสียงอบจ.ตรัง พ่อค้าแม่ค้าต้อนรับอบอุ่น" ยายวัย 89 ให้กำลังใจผู้สมัครนายกฯ ทุกคน
- ตรัง "นายบุ่นเล้ง" นำทีมลงพื้นที่หาเสียงที่อำเภอสิเกา หาเสียงแหล่งชุมชนท่องเที่ยว-กลุ่มอาชีพจักสานเตยปาหนัน
- ตรัง "ป้อนคำหวาน" เปิดตัวเบเกอรี่ตรุษจีนสุดสร้างสรรค์ พร้อมไฮไลต์ "เครปถุงเงินแห่งความโชคดี"
- รวบเฒ่าหื่นลวงเด็ก 12 ขืนใจ 2 ครั้ง เผยปิดปากด้วยเงิน 100 บาท
ขณะที่เด็กหญิงวิภัทรดา แซ่อื้อ บอกว่า ตนเองเอาเสื้อผ้ามือสองของแม่มาขาย โดยขายตัวละ 10 บาท ขายดีเอามาหลายตัว สนุกมาก ขายมา 2 ครั้งแล้ว ขายดี ขายหมด
ส่วนน้องณัฐดนัย แก้วสุทธิ์ น้องนักเรียนชั้น ป.1 ( ถือผักชีฝรั่ง หรือผักชีใบเลื่อยอยู่ในมือ) บอกว่า ตนเองซื้อผักชีลาว ( ปักษ์ใต้ จ.ตรัง จะเรียกรวมว่า ผักชีลาว โดยจะใส่ในลาบ และต้มยำ ) ตนเองจะซื้อไปให้แม่ทำลาบให้กิน มาเห็นก็เลยซื้อไปให้แม่ตนเองอยากกินลาบ จึงซื้อไปให้แม่ทำลาบให้กิน
ทางด้านเด็กชายอชิระ พงษา นักเรียนชั้น ป.5/1 ตัวแทนนักเรียนชั้น ป. 5 บอกว่า ตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนอนุบาลตรัง ส่งเสริมให้ตนและพี่ๆ เพื่อนๆน้องๆ ได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เพื่อนๆชั้นป.5 นำมาขายในวันนี้มีหลากหลาย ทั้ง สินค้ามือสองต่างๆ น้ำสมุนไพร ขนม ของคาว ของหวาน ของแห้ง รวมทั้งพืช ผัก ผลไม้ต่างๆที่ปลูกเองที่บ้านนำมาขาย โดยจะขายไม่แพงเพียงชิ้นละไม่เกิน 20 บาทเท่านั้น ส่วนตนเองนำเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วมาขาย ซึ่งเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วก็นำมาแปลงเป็นเงินโดยการนำมาขาย ส่วนตัวโดยนำมามากกว่า 40 ตัว ขายได้แล้ว 900 กว่าบาท และเคยร่วมกิจกรรมขายมาแล้วทั้งหมด 4-5 ครั้ง ก็ขายดีมาก ส่วนตัวที่บ้านแม่นำทำขนมปังกรอบขาย ก็ช่วยแม่นำขนมปังกรอบไปขายตามร้านต่างๆทำให้มีประสบการณ์ มีความคุ้นชินกับการขาย ก็นำมาใช้กับการขายเสื้อผ้าตลาดนัดของโรงเรียน ทำให้ขายดี เรียกลูกค้าได้มาก เพราะมีประสบการณ์ และขายได้ง่าย ทำให้เกิดความกล้าขึ้นมากในการที่จะนำเสนอขายที่รู้สึกว่ามีความคุ้นเคยในการขาย เพราะว่าการขายไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ยากและสามารถสร้างรายได้อีกอย่างหนึ่ง ส่วนตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง สามารถเรียนรู้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เราต้องซื้อของที่ไม่ฟุ่มเฟือย ซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น และซื้อของที่ราคาถูกราคาไม่แพง ไม่ซื้อฟุ่มเฟือย จะได้เก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามที่เราจำเป็นจะต้องใช้ ถือเป็นโครงการที่ดีมาก อยากให้โรงเรียนจัดแบบนี้ทุกๆสัปดาห์ก็ได้
ทางด้านนายสุวิทย์ กังแฮ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลตรัง บอกว่า ทางโรงเรียนมีการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อที่จะปลูกฝังให้นักเรียนได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 10 มาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการที่จะบอกว่าทางโรงเรียนมีการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อที่จะปลูกฝังทำให้ผู้เรียนทุกคนได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการที่จะปลูกฝังให้เด็กๆได้รู้จักคิดและมีภูมิคุ้มกัน มีคุณธรรมจริยธรรมและสามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทางโรงเรียนก็ได้ขับเคลื่อนในเรื่องของนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่กิจกรรมต่างๆได้ต่อเนื่องและบูรณาการในชั้นเรียน วันนี้เป็นสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยทางโรงเรียนจะจัดตลอดปีการศึกษาทุกเดือนหมุนเรียนกันทุกสายชั้น สินค้าที่เด็กๆนำมาขายเด็กๆเอามาจากบ้าน ซึ่งสามารถฝึกให้นักเรียนเรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักการประหยัดอดออม เรียนรู้การทำบัญชีใช้จ่าย เรียนรู้การประกอบอาชีพพื้นฐานแล้วก็ได้นำมาแลกเปลี่ยนสินค้ากันและกันเป็นประจำทุกเดือน โดยจะจัดตลอดปีการศึกษาทุกเดือน
อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจอยากอุดหนุน หรืออยากไปชมตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียงของน้องๆโรงเรียนอนุบาลตรัง ตลาดนัดครั้งต่อไป ในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม รับผิดชอบตลาดโดยน้องๆสายชั้นประถมปีที่ 2 , วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ สายชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ สายชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ 0 / 5. จำนวนโหวต: 0