ชาวบ้านทุ่งใหญ่ไม่รอน้ำทำนาเพราะแล้ง หันมารวมกลุ่มกันทำเปลไม้ไผ่สร้างรายได้อย่างงดงาม
วันที่ 21 สิงหาคม 2563 เวลา 09.00 น.ที่บ้านวังปลากด หมู่ที่ 1 ที่ศาลาประจำหมู่บ้าน ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ชาวบ้านนั้นได้รวมตัวกันประมาณ 30 คน โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้สูงอายุ มาทำเปลไม้ไผ่ ซึ่งการทำนั้นหาไม้ไผ่ที่มีอยู่ในหมู่บ้านโดยช่วยกันไปตัดไม้ไผ่มา โดนจะใช้ไม้ไผ่ที่ยังสดจนเป็นสีเขียวอยู่จากนั้นก็ใช้มีดนั้นผ่าตรงกลางโดยไม่ให้ไม้ไผ่นั้นแยกออกจากกันเพื่อเป็นฐานของเปลไม้ไผ่ และจากนั้นก็ช่วยกันเหลาไม้ไผ่ให้เป็นตอกขนาดยาวประมาณ 6 เมตรเพื่อนำมาสานกับฐานไม้ที่ผ่ารอไว้แล้ว และจากนั้นก็ทำการสานเข้าด้วยกันจนเป็นเปลที่หนาแน่นและสวยงาม ตรงขอบนั้นจะใช้สายฉีดน้ำนำมาเข้าขอบเกิดความสวยงาม ด้านบนของแปลทั้งสองข้างนั้นจะใช้เส้นพลาสติกสานให้แน่นหนาและให้เกิดความสวยงาม โดยเปลไม้ไผ่ที่บ้านวังปลากดแห่งนี้จะไม่เหมือนแปลที่อื่นๆที่เป็นเปลแขวน เพราะเปลไม้ไผ่ที่นี่เหมือนนำไม้ไผ่ทั้งลำมาผ่าออกและสานกลับเข้าไปใหม่คล้ายเรือ โดยผู้ที่ซื้อไปนั้นก็สามารถนำไปผูกไว้ในบ้านสามารถนอนหลับอย่างสบายใจได้บนเปลเพราะเปลนั้นมั่นคงและแข็งแรงอย่างมาก
โดยชาวบ้านแห่งนี้ได้เปิดเผยว่า ที่หมู่บ้านวังปลากดแห่งนี้เวลาแล้งนั้นก็ไม่มีน้ำจะทำนาและถึงแม้ในขณะนี้ฝนจะตกลงมาบ้างแต่น้ำก็ยังไม่เพียงพอ จึงไม่อยากพึ่งฟ้าฝนในเมื่อฝนไม่ตกทำนาไม่ได้จึงได้รวมกลุ่มกัน ทำเปลไม้ไผ่ขึ้น และนำไปวางจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยวบ้างและให้ลูกหลานโพสวางขายในโซเชียลบ้าง โดยราคานั้นก็ไม่แพงอะไรสามารถซื้อหรือนำกลับไปเป็นของฝากได้อย่างสบายกระเป๋าเวลามาเที่ยวจังหวัดอุทัยธานี เช่นขนาดเล็กก็จะอยู่ที่ 380 บาท ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ประมาณ 480 บาท อันใหญ่สุดราคาอยู่ที่อันละ 700-800 บาท ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้สินค้าในชุมชนอย่างแท้จริง ส่วนเวลาจำหน่ายได้นั้นก็จะนำเงินมาแบ่งกันในกลุ่มที่ทำซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น ผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ซึ่งอาชีพทำเปลที่ชาวบ้านร่วมกันทำนั้นเรียกว่าเป็นรายได้เสริมอย่างดี
ขณะเดียวกันนั้นการทำเปลไม้ไผ่นี้ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่แบน และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งอุทัยธานีได้จับมือกับศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีฯลำปาง นำงบประมาณมา เพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับชาวบ้านนั่นเอง
