โครงการชลประทานอุทัยธานี ออกหนังสือประกาศแจ้งเตือนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำสู่ท้ายอ่าง หลังอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อำเภอห้วยคต ได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่น “โนรู” จนปริมาณน้ำในอ่างเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
ที่จังหวัดอุทัยธานี เนื่องด้วยผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่น “โนรู” ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุ “โนรู” ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 27 กันยายน 2565 เมื่อเวลา 04.00 น. (วันที่ 27 กันยายน 2565) พายุใต้ฝุ่น “โนรู” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางออกไปทางทิศตะวันออกประมาณ 490 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเมืองตานัง ประเทศเวียดนาม มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 กันยายน 2565 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชั่นตามลำดับ โดยจะเคลื่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทยในวันที่ 29 กันยายน 2565 ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้นส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28 กันยายน 2565 ถึง 1 ตุลาคม 2565 มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
cละสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อำเภอห้วยคต ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน ล่าสุดวันนี้ ( 27 ก.ย. ) มีปริมาณน้ำกักเก็บจำนวน 45.87 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88.21 และคาดว่าอิทธิพลของพายุ “โนรู” จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ โครงการชลประทานอุทัยธานีจึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม (River Outlet) ในอัตรา 20.71 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (หรือวันละ 1,790,000 ลูกบาศก์เมตร) ตั้งแต่วันนี้ ( 27 ก.ย. ) เป็นต้นไป โดยวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยมั่นคงของเขื่อนห้วยขุนแก้ว เพื่อให้อ่างเก็บน้ำมีปริมาตรที่ว่าง รองรับน้ำฝนที่จะตกหนักในเดือนตุลาคมของทุกปี และให้อยู่ในเกณฑ์การบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ (Rule Curve) ตามข้อสั่งการของกรมชลประทาน และรักษาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วไม่ให้มีระดับสูงเกินกว่าระดับควบคุมน้ำสูงสุด และเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำล้น อ่างเก็บน้ำได้ ทั้งนี้ในการเปิดบานระบายน้ำจะพิจารณาปรับการระบายในแต่ละช่วงเวลาไม่ให้เกินศักยภาพของลำห้วยขุนแก้ว และให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด และหากไม่มีฝนตกในพื้นที่ โครงการชลประทานอุทัยธานี จะพิจารณาปรับลดการระบายน้ำทันที
แ
