ชีวิตผู้เป็นแม่สุดจะเหนื่อยแต่ท้อไม่ได้ยังมี 6 ชีวิตที่คอยอยู่อาศัยอยู่ในที่วัดไม่มีเงินแม้จะซื้อข้าวมาหุงประทังชีวิตให้ลูกและสามีประสบอุบัติเหตุนอนติดเตียง
เวลา 08.30 น.วันที่ 22 กันยายน 2566 นางสาวนงนุช ฤทธิเดช อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 480/2 ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานีเผยเรื่องราวชีวิตของตัวเองหลังจากที่ขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเนื่องจากในตอนนี้ นายเฉลิม อาสุระ อายุ 46 ปี ผู้เป็นสามีประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำระหว่างขับขี่ไปทำงานในช่วงเช้าเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกถนนลื่นส่งผลให้นายเฉลิมนั้นส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนทางแพทย์นั้นได้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดใส่เหล็กที่บริเวณขาแล้วให้นอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียงที่บ้านมากว่าหนึ่งปีแล้วหลังจากทำการผ่าตัดมาซึ่งสามีนั้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเงินมาดูแลครอบครัวหาเงินมาจุนเจือลูก 4 คน ที่อยู่ในวัยกำลังเติบโตเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาโรงเรียนวัดสังกัสรัตนคีรี สภาพบ้านนั้นเป็นแหล่งสลัมหรือชุมชนแออัดบ้านนั้นปลูกอยู่ติดๆ กันมีสภาพเก่ามากและเต็มไปด้วยข้าวของอาศัยอยู่ในที่ของวัดสังกัสรัตนคีรี ซึ่งในตอนนี้ครอบครัวนั้นลำบากมากตั้งแต่สามีมาล้มป่วยนางสาวนงนุชนั้นต้องออกไปหารับจ้างงานต่างๆ และรับจ้างขายของแล้วแต่เค้าจะจ้างไปทำซึ่งแม้แต่เงินซื้อข้าวสารมาหุงนั้นแทบจะไม่มีเลยในตอนนี้ก่อนหน้านั้นสามียังปรกตินั้นรายได้ไม่เคยขาดมือ สองสามีภรรยานั้นออกทำงานมีรายได้เข้ามาบ้านทุกวัน บรรดาลูกไม่เคยอดอยาก พอสามีมาล้มป่วยคนที่ต้องดิ้นรนหาเงินก็เหลือเพียง นางสาวนงนุช เท่านั้นบางวันไม่มีใครจ้างทำอะไรก็ต้องพากันอดไปทั้งบ้านเลย ซึ่งมีเพื่อนบ้านก็คอยช่วยเหลือบ้างแต่ไม่ใช่ทุกวัน เพราะคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างเหมือนกันจึงจนปัญญาที่มาช่วยเหลือกันทำได้แต่เพียงแบ่งกับข้าวและข้าวที่หุงแล้วมาให้ครอบครัวของนาวสาวนงนุชเท่านั้นช่วยเหลือไปมากกว่านี้ไม่ได้ และในบางครั้งก็ต้องไปหายืมเงินเพื่อนบ้านและไปร้านขายของแถวบ้านไปอ้อนวอนเจ้าของร้านขอนำของมาก่อนเช่นมาม่า ข้าวสาร ขนม แล้วจะไปจ่ายทีหลังจากที่หาเงินมาได้แล้ว
ไม่เพียงแต่สามีที่ป่วยจนทำงานไม่ได้และลูกอีก 4 คนเท่านั้นยังมี นางไพเราะ นาไทย อายุ 52 ปี เป็นพี่สาวของของสามีที่ตามองไม่เห็นมาอยู่ด้วยอีกคนซึ่งก็ทำงานไม่ได้ก็เพราะว่าตานั้นเห็นเพียงเลือนลางและไม่สามารถเดินออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ ต้องอยู่เพียงในบ้านและรอการผ่าตัดตาอยู่โดยทางแพทย์ได้ทำการตรวจพบว่าตานั้นเป็นต้อกระจกและลุกลามเข้าไปนัยน์ตาดำอย่างรุนแรงและหากผ่าตัดเสร็จแล้วจะกลับมามองเห็นหรือไม่ยังไม่รู้ บางวันตื่นมาในตอนเช้านางนงนุชได้เปิดใจว่า ทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะลูกทั้ง 4 คน ก็ขอเงินไปโรงเรียนแต่ก็ไม่มีให้แต่ก็ยังดีที่ทางโรงเรียนนั้นมีอาหารกลางวันเลี้ยงสำหรับนักเรียน พอมาคิดว่าทำไมชีวิตของตัวเองและครอบครัวต้องมาเจอกับทางที่มืดมิดแทบจะมองไม่เห็นอนาคตเลย จนนั่งร้องไห้กับสามีที่ป่วยนอนอยู่ที่เตียงระบายความในใจให้ฟัง ซึ่งลูกผู้ชายคนโตนั้นหากเป็นวันหยุดวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ก็จะหาเก็บของเก่าเพื่อนำเงินมาให้แม่ นางสาวนงนุชนั้นจึงวอนให้ผู้ใจบุญยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวที่ไร้หนทางจะเดินไปต่อ สามารถโทรสอบถามนางสาวนงนุชได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 065-0680776 หรือสงเคราะห์ลูกของตนที่อยู่ในวัยเรียนสามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่บัญชีธนาคารกสิกร สาขาเมืองอุทัยธานี ชื่อบัญชีนางสาวนงนุช ฤทธิเดช เลขที่บัญชี 1311066052 และที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีหน่วยงานอะไรเข้ามาให้การช่วยเหลือเลยไม่เคยมีหน่วยงานอะไรเดินเข้ามาถามด้วยซ้ำ ซึ่งนางนงนุชได้ยืนยันด้วยคำพูดของตัวเอง ส่วนสามีนั้นทางแพทย์ได้นัดทำการผ่าตัดเอาเหล็กที่ดามอยู่ออกในกลางปีหน้านี้ซึ่งนางนงนุชบอกว่าสามีนั้นเป็นความหวังของครอบครัวเลย หากหายป่วยแล้วจะได้กลับมาทำงานได้ แต่ถ้าหากผ่าตัดเสร็จแล้วเดินไม่ได้ก็คงเป็นเป็นเวรกรรมของนางนงนุชจะต้องเจออุปสรรคแบบนี้ต่อไป โดยในทุกวันนางนงนุชนั้นพูดกับตัวเองว่าเราจะท้อไม่ได้เพราะยังมีอีก 6 ชีวิตยังคงรอเราอยู่ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็ต้องทำเพื่อลูกและสามี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: