ชาวบ้านนร้องสื่อเจอขโมยตีนแมวย่องเบาชั่วโมงเดียวกวาดเงินพร้อมแหวนทองไป 3 บ้าน มูลค่า 1 แสนกว่าหวั่นคดีไม่คืบ
เวลา 13.00 น.วันที่ 19 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน 3 รายเพราะเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมานั้นได้ถูกขโมยย่องเข้าบ้านซึ่งคาดว่าเป็นคนเดียวกันก่อเหตุภายใน 1 ชั่วโมง กวาดทรัพย์สินรวมแล้วประมาณ 10,000 กว่าบาทก่อนที่จะขี่รถมอเตอร์ไซคหนีลอยนวลไป นายสำรวย ทองอร่าม อายุ 71 ปีเลขที่ 97 บ้านหนองม่วง หมู่ที่11 ตำบลน้ำรอบ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งประกิบอาชีพทำไร่มันสำปะหลังกว่า 200 ไร่และมีลานตากมันเป็นของตัวเองอยู่ที่หน้าบ้าน เปิดเผยถึงเรื่องราวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 08.34 น.ได้เข้าไปในไร่เพื่อไปปลูกมันส่วนภรรยาและครอบครัวนั้นไปงานบวชนาคที่ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พอหลังจากที่กลับมาจากปลูกมันเสร็จแล้วก็เข้ามาบ้านก็ต้องตกใจพบว่ามีรอยล้อรถมอเตอร์ไซค์เป็นทางเข้ามาทางหลังบ้านและมีรอยเท้าทิ้งไว้ด้วยประตูเข้าหลังบ้านนั้นมีร่องรอยการงัดโดยกุญแจที่ไขปิดไว้นั้นถูกงัดออกจึงได้รีบเข้าไปในบ้านเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรหายไปพบว่าในห้องนอนของตัวเองนั้นถูกค้นหรือรื้อจนข้าวของที่นอนกระจัดกระจายเละเทะไปหมดพบว่าแหวนทองที่มีหัวเป็นพลอยหายไป 2 วงมูลค่าประมาณ 20,000 บาท จากตลับที่ใส่ไว้ที่หัวเตียงหายไปและเงินสดที่กำลังเตรียมไว้ซื้อผานรถไถอีก 70,000 บาท และมีธนบัตรเก่าที่สะสมไว้เเป็นแบงค์ 500 แบงค์ 100 ใส่ไว่ในกระป๋องอยู่รวมกันอีกประมาณ 3,000 กว่าบาท หายไป รวมมูลค่าประมาณ 93,000 บาท
แต่ก็ต้องแปลกใจที่ขโมยไม่ได้เอาสร้อยคองาช้างพร้อมพระเลี่ยมทองไปด้วยซึ่งคาดว่าขโมยนั้นจะไม่เห็นหรือม่ารู้ว่าเป็นของมีค่าหรือไม่ก็รีบร้อนนั่นเองพอหลังจากที่รู้ว่าบ้านของตัวเองนั้นถูกขโมยของแล้วจึงโทรไปหาภรรยาที่อยู่งานบวชว่าถูกขโมยลักของจากนั้นก็รีบโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดีไว้
ข่าวน่าสนใจ:
ขณะเดียวกับบ้านของนางสาวสุกัญญา แม้นพยัคฆ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่107หมู่ที่ 11 บ้านน้ำรอบ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งห่างจากบ้านของนายสำรวยที่ถูกขโมยย่องเบารายแรกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเช่นกันว่าวันเดียวกันกับบ้านนายสำรวย เวลาประมาณ 09.00 น.มีขโมยนั้นขับลขี่รถมอเตรอ์ไซค์เข้ามาหน้าบ้านจากนั้นจนกล้องวงจรปิดที่ติดไว้นั้นจับภาพได้ขโมยนั้นใส่หมกกันน็อคสีดำปกปิดใบหน้าสวมเสื้อสีน้ำเงินแขนยาวขี่รถมอเอตร์ไซค์สีฟ้ายามาห่าไม่ทราบรุ่นและทะเบียนเพราะกล้องวงจรปิดจับภาพได้แต่ด้านหน้าย่องมาทางหลังบ้านทิ้งรอยเท้าไว้แล้วก็งัดหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนจากนั้นก็ได้รื้อกระเป๋าของแม่นำเงินออกไปประมาณ 700 กว่าบาทและของห้องนางสาวสุกัญญาไปอีก 200 กว่าบาทและได้คว้าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ มูลค่า 9,900 บาทไปอีกหนึ่งเครื่อง เช่นเดียวกับบ้านของนางสาวสุณีย์ แม้นพยัค อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 334 หมู่ที่ บ้านโป่งเก้ง หมู่ 15 ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นพี่สาวของนางสาวสุกัญญา ก็เปิดเผยว่าได้ไปงานศพที่กำแพงเพชรเช่นกันกับครอบครัวจึงได้ปิดบ้านไว้พอกลับมาจากงานก็พบว่ามีร่องรอยคนเข้าไปในบ้านซึ่งเดินผ่านทางรั้วบ้านและเข่าประตุไปซึ่งประตูทางนั้นไม่ได้ใส่กุญแจไว้เพราะเป็นว่าบ้านของตัวเองนั้นมีรั้วกั้นไว้อย่างแน่นหนาคงไม่มีใครกล้าจะเข้ามาแถมหน้าบ้านยังมีกล้องวงจรปิดติดไว้เพื่อป้องกันอีกด้วยแต่ก็ไม่พ้นขโมยคาดว่าเป็นคนเดียวกันที่เข้าบ้านผู้เสียหายอีก 2 รายเพราะดูจากกล้องวงจรปิด ได้เข้าไปในบ้านทำการนำเงินเหรียญ 5และเหรียญ 10 บาทที่ทางนางสาวสุณีย์นั้นนำออกมาเพื่อเก็บไว้จากตู้หยอดเหรียญเมเงินโทรศัพท์เพราะหน้าบ้านนั้นเปิดเป็นร้านขายของประจำอยู่บ้าน โดยรวมแล้วจำนวน 4,000 กว่าบาทที่ขโมยเอาไป โดยทั้ง 3 คน ผู้เสียหายนั้นเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอนซึ่งหลักฐานก็คือบุคคนในหกล้องวงจรปิดนั่นเองและมีข้อสงสัยว่าหัวขโมยตีนแมวที่เข้ามาย่องเบานั้นรู้ความเคลื่อนไหวของแต่ละบ้านที่เข้าไปขโมยของได้อย่างไรว่าไม่มีคนอยู่บ้านจึงตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีคนในหมู่บ้านเป็นคนชี้เป้าให้กับขโมยอย่างแน่นอนซึ่งมูลค่าที่ขโมยนั้นได้เข้าไปงัดบ้านทั้ง 3 หลังรวมแล้ว 103,000 บาทซึ่งชาวบ้านระแวกนั้นยังหวั่นว่าขโมยคนดังกล่าวจะเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีกจึงได้ร้องสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าวให้เพื่อให้ทางเข้าหน้าที่ตำรวจนั้นเร่งหาตัวคนร้ายซึ่งเมื่อวานนั้นผู้เสียหานทั้ง 3 รายนั้นบอกว่าขโมยคนดังกล่าวยังขับรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมเข้ามาในหมู่บ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนผู้เสียหายนั้นได้พยายามตามไปแต่ก็ไม่ทันหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งคนร้ายนั้นไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย ทางด้าน พ.ต.ท.สันติ ทองเชื้อรองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรลานสัก ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้นิ่งนอนใจได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ทุกวันแต่ด้วยหลักฐานคือภาพในกล้องวงจรปิดนั้นคนร้ายนั้นสวมใส่หมวกกันน๊อคจึงเห็นหน้าไม่ชัดเจนและเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ก่อเหตุนั้นไม่เห็นชัดเจนเพราะจับได้แต่ด้านหน้าจึงต้องสืบหาต่อไปและขอให้ทางเจ้าทุกข์ทั้ง 3 รายนั้นวางใจได้จะเร่งดำเนินการตามล่าหาขโมยที่ลงมือได้อย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: