กระทรวงยุติธรรม เปิดงานมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ให้ประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืนและไม่กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก รวมลูกหนี้กว่า 3.9 พันรายร่วมงาน ทุนทรัพย์รวมกว่า 306 ล้านบาท
ที่ ห้องประชุมชฎาแกรนด์ฮอลล์ โรงเรียนอนุบาลเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยมี นายวิฑูรย์ สิรินุกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวต้อนรับ และ นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวรายงาน ตลอดจนมี ส่วนราชการ องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมงานจำนวนมาก
โดยการจัดงานมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดอุทัยธานี ในครั้งนี้ เป็นการสานต่อนโยบายของรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน ซึ่งจังหวัดอุทัยธานี เป็น 1 ใน 6 จังหวัดนำร่องของการจัดงาน ในการบูรณาการ การทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ให้ประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืนและไม่กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก มีสถาบันการเงิน 6 สถาบัน และภาคราชการต่างๆ รวม 8 สถาบัน เข้าร่วมในโครงการมีลูกหนี้เข้าร่วมงานกว่า 3,985 ราย แยกเป็นกลุ่มลูกหนี้ก่อนฟ้อง 2,518 ราย และหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว 1,467 ราย มีจำนวนทุนทรัพย์รวมกว่า 306,152,678.61 ล้านบาท ซึ่งลูกหนี้ที่มาร่วมงานจะได้รับโอกาสขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ ลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือน งดการฟ้องดำเนินคดี และเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย การสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผนการสร้างวินัยทางการเงินแก่ประชาชน อีกด้วย
โดยภายในงาน มีการจัดเสวนาหัวข้อช่องทางการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเพื่อประชาชน การบรรยายให้ความรู้ประชาชนในหัวข้อการวางแผนและการสร้างวินัยทางการเงินสำหรับประชาชน การมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี พร้อมมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติ ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 201,180 บาท ตลอดจนมีการจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ ให้คำปรึกษากฎหมาย และบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานภาคีเครือข่ายในจังหวัดอุทัยธานี
นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นปัญหาที่สะสมมายาวนานหลายสิบปีแล้ว แต่มันเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่สมัยโควิดระบาด ปัญหาหนี้สินยิ่งเพิ่มขึ้นและยิ่งน่าเป็นห่วง ว่า 1 ใน 3 ของ ประชาชนในประเทศประมาณ 20 ล้านคน เป็นหนี้ ทำให้ฉุดรั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจมันจะไปไม่ได้ เพราะว่าวันนี้ประชาชนแค่มีความรู้สึกว่าแค่เอาชีวิตให้รอดมีงานทำมีเงินเดือนแค่ได้เฉพาะจ่ายหนี้และเหลือส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่อีกอย่างหนึ่งคือเขาไม่มีเงินสำรองเก็บเลย ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคตจะทำให้เขาไปไม่ได้เลย และยิ่งเป็นการสะสมหนี้ให้เขาต่อไป ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายแก้หนี้ทำให้ประเทศจะไปต่อยาก วันนี้ผมถือว่ามหกรรมดีๆ แบบนี้มาทำแค่หนี้สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรมที่จังหวัดอุทัยธานีตรงนี้ถือว่าเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกหนี้กับเจ้าหนี้มาพบกันและบนผลประโยชน์ร่วมกันซึ่งเป็นผลประโยชน์สูงสุดกับประเทศด้วย เพราะว่าวันนี้เราให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มาพบกันและปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ วันนี้มีการผ่อนขยายเวลาชำระหนี้ปลดผู้ค้ำประกันไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหรือหลังคำพิพากษาก็มีข้อตกลงขยายเงื่อนไขไปได้ ทั้งก่อนฟ้องจะมีการคุยว่าการจะมีการปลดผู้ค้ำออก โดยเฉพาะเรื่องของ กยศ. อาจจะปลดผู้ค้ำออก แล้วก็ดอกเบี้ยก็เหลือแค่ 1% เบี้ยปรับเหลือ 0.5 อยากให้ทุกคนมาแสดงตนมาปรับโครงสร้างหนี้มาลงทะเบียนใหม่ไม่ต้องกลัวเพราะวันนี้รัฐบาลจะช่วยเต็มที่กับเรื่องนี้เพราะว่าถ้าประชาชนยังเป็นหนี้นี่มันจะทำให้เราไปต่อยากมากและประเทศจะไม่สามารถจะพัฒนาได้ถ้าหนี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็น 2 ระยะ โดยระยะสั้นจะกระตุ้นการใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชน ส่วนระยะกลางและระยะยาวจะเสริมขีดความสามารถให้ประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงยุติธรรมมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนทั้ง 76 จังหวัด ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้ถูกฟ้องคดีและไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งโครงการนี้จะจัดขึ้นทั่วประเทศในทุกจังหวัด เพื่อเปิดเป็นช่องทางให้ประชาชนที่สนใจสามารถไปร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี ติดต่อสายด่วนกระทรวงยุติธรรม โทร 1111 กด 77 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี โทร 1111 กด 79
