รับเงินหมื่นวันที่สาม ธนาคารแทบแตกวุ่นวายแต่เช้าแห่กันมาทำคิวรับบัตรไปเบิกเงินซึ่งต่างก็อยากได้เข้าไปเบิกเงินเร็วๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงขอให้เป็นระเบียบและขอให้ต่อแถวกัน
เวลา 07.30 น.วันที่ 27 กันยายน 2567 วันที่ 3 สำหรับการเบิกเงินหนึ่งหมื่นบาทซึ่งเป็นผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้าย เป็นเลข 4-7 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ประชาชนผู้ที่เงินเข้าบัญชีวันนี้ต่างก็เข้าคิวทยอยกดเงินออกมาใช้จ่ายกันสำหรับผู้ที่มีบัตร เอทีเอ็ม รวมภถึงมาปรับสมุทรว่าเงินนั้นเข้าหรือยัง ส่วนด้านในของธนาคารในช่วงเช้าก่อนที่จะเปิดทำการนั้นวุ่นวายโดยผู้ที่มานั้นเกือบ 500 คนต่างก็แซงคิวกันเพื่อจะทำบัตรเพื่อเข้าไปเบิกเงินด้านในธนาคารจนเจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงว่า ขอให้ต่อแถวอย่างมีระเบียบไม่เช่นนั้นจะทำให้การทำหมายเลขคิวนั้นล่าช้าหากมีการแซงกันแบบนี้ซึ่งได้ประกาศว่าทางธนาคารนั้นจะให้ผู้ที่ทำบัตรคิวเข้าไปเบิกครั้งละ 20 คน เนื่องจากด้านในธนาคารนั้นสถานที่นั้นคับแคบและรองรับกลุ่มประชาชนนั้นไม่หมดและจะเรียกตามหายเลขบัตรคิวตามที่ได้ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสับสนเพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุบางรายก็เดินทางมาเพียงลำพังไม่รู้ว่าจะต้องทำบัตรคิวอย่างไรเพราะไม่มีลูกหรือหลานมาด้วยนั่นเอง จึงทำให้ต้องรอเจ้าหน้าที่มาทำบัตรคิวให้ถึงเก้าอี้ที่นั่งคอยอยู่เพราะเดินไม่สะดวกกันเพราะด้วยอายุมากกันนั่นเองซึ่งคาดว่าในวันนี้จะคึกคักตั้งแต่เช้าไปจนถึงธนาคารนั้นปิดทำการเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และอาทิตย์ทางธนาคารนั้นปิดทำการจึงมาเบิกเงินไปใช้กันเยอะกว่าทุกวันเนื่องจากกลัวว่าจะติดวันหยุดนั่นเอง
ขณะเดียวกันผู้ที่มาเบิกเงินหมื่นในวันนี้ซึ่งชายชราสองคนพี่น้องขี่รถสามล้อมาจากฝั่งวัดอุโปสถารามนั้นก็ดีใจมาก จะนำเงินไปใช้จ่ายในยามจำเป็นเพราะชรากันมากแล้วจึงออกไปหางานทำอะไรไม่ได้ ซึ่งก็มีเงินประจำสำหรับคนชราไว้ใช้จ่ายซึ่ งเงินที่ได้ไปจะไปซื้อข้าวสารและของที่จำเป็นต่อไป และขอขอบคุณทางรัฐบาลที่แจกเงินหมื่นในครั้งนี้
