อธิบดี DSI ตรวจสอบคดี 178 ไร่ หาดเลพัง-ลายัน ภูเก็ต หากออกเอกสารสิทธิ์ได้ มูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมคณะ ติดตามคดีบุกรุกที่ดิน เนื้อที่ 178 ไร่หาดเลพัง -หาดลายัน ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและประชุมหารือกรณีดังกล่าว ณ ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ความเป็นมา ข้อมูล ที่ดิน 178 ไร่ เป็นที่ดินติดชายหาดลายันไปจนถึงหาดเลพัง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีการบุกรุกเข้าทำประโยชน์ ต่อมา จังหวัดภูเก็ต โดยเจ้าพนักงานที่ดินสาขาถลางได้ขอขึ้นทะเบียนพื้นที่ชายหาดลายัน-เลพัง หมู่ที่ 4 และ 6 ต่อเนื่องกัน ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ ที่ดินแปลงนี้มีการต่อสู้ยาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างรัฐกับเอกชน เป็นการต่อสู้จากการที่เอกชนเอาที่ดินไปออกเอกสารสิทธิ จนกระทั่งกรมที่ดินมีการเพิกถอนเมื่อปี 2527 จังหวัดภูเก็ต จึงเสนอให้มึการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามใหัประชาชนใช้ร่วมกันตามมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ และตามพระราชบัญญัติที่ดินมาตรา 20 เมื่อปี 2544 หลังจากมีประกาศ มีเอกชน 9 ราย ยื่นคัดค้านมีการฟ้องศาล 6 ราย อีก 3 รายไม่มีการดำเนินการ สุดท้ายคำพิพากษาฎีกาพิพากษาให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะ ผู้บุกรุกทั้งหมดจะต้องถูกออกจากพื้นที่ มีการปิดประกาศบังคับคดีเพื่อให้ออกจากพื้นที่ และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีบุกรุกที่ดินรัฐในพื้นที่ชายหาด 178 ไร่ เป็นคดีพิเศษ โดยศาลฎีกาพิพากษาแล้ว 2 คดี คดีแรกเมื่อปี 2558 และ ปี 2560 คำพิพากษาว่าที่ดินทั้งหมด 178 ไร่ เป็นที่ดินรัฐมูลค่าที่ดินหากออกเป็นเอกสารสิทธิได้ จะมีมูลค่าสูงประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
ข่าวน่าสนใจ:
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า คดี บุกรุกที่ดิน 178 ไร่ เป็นคดีค้างมาตั้งแต่สมัยเป็นเลขพิเศษเก่า ตั้งแต่ปี 2560 เป็นเรื่องที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2544 มีการเพิกถอนบางแปลงไป ที่ 178 ไร่ เพิกถอนไป กว่า 6 ไร่ เป็นคดีพิเศษต้องกลับไปดำเนินการใหม่ให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ตอนนี้ อยู่ในช่วงที่ DSI ดำเนินการ และมีพื้นที่เกี่ยวพันนอกเหนือจากคดีพิเศษ ทราบจากผู้นำท้องถิ่นจะหาทางบูรณาการเกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง
วันนี้ เป็นขั้นตอนแสวงหาข้อมูล และทั้งสองเรื่องคือการกลับไปดำเนินคดีพิเศษ ได้มอบรองอธิบดี รับผิดชอบ ส่วนเรื่องกลไกการแก้ปัญหาให้เป็นที่สาธารณะกลับมาให้ประชาชนจะดำเนินการคู่ขนาน ที่รับเป็นคดีพิเศษ แปลงที่สั่งฟ้องไปมีการเพิกถอนเรียบร้อยแล้ว คือ แปลง 6 ไร่ แต่ในส่วนของอุทยานแห่งชาติสิรินาถคนละคดี มีกลับมาที่ DSI เป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2563 ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน มีผู้ถูกกล่าวหาออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ 1 รายแต่มีผู้ครอบครองเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันอีกหลายบริษัท
เข้าใจว่าศาลมีการฟ้องร้องระหว่างพื้นที่ครอบครองกับทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐที่พยายามจะเข้าไปให้ออกจากพื้นที่ ทราบว่ามีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้ว ว่าให้ที่นั้นตกเป็นที่สาธารณะประโยชน์ เราจะใช้คำพิพากษาของศาลเป็นแนวทางในการดำเนินการในส่วนที่เป็นคดีพิเศษของเราส่วนที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันจะขยายผล กรณีมีผู้ร้องเข้ามา ตอนนี้ได้มีการทำงานร่วมกับอบต.เชิงทะเล และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขอฝากถึงประชาชน แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มประชาชนที่จะมาใช้พื้นที่นี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจที่สาธารณะไม่เสียค่าผ่านทางคิดว่าเป็นที่ชายหาดที่มีความสวยงามและมีมูลค่าสูงมาก ไร่ละ 300 ล้านบาท เนื้อที่ 178 ไร่ มูลค่าประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท ควรตกเป็นของประชาชนทุกคนที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจใช้บริการได้
อีกส่วนคือ ผู้ที่ถูกหลอกให้มาลงทุน เช่นที่แห่งนี้มีกรณีพิพาท มีคำพิพากษา มาแล้วให้ตกเป็นที่สาธารณะ จะมีกลไกให้ดนต่อช้าแต่สุดท้ายก็จะถูกหยิบยกมาดำเนินการถ้ามีกลไกภาครัฐที่เอาจริง จะได้เป็นที่สาธารณะในเร็ววัน ผู้ที่ถูกหลอกให้มาซื้อมาลงทุนต้องคืนทรัพย์ แต่ถ้าตั้งใจมีเจตนาครอบครองจะต้องรับความผิดไปด้วย ถ้ามีร้องว่าบุกรุกจะดำเนินคดีส่วนนี้ตามอำนาจ ตรงนี้มีความชัดเจนแล้วถ้า 178 ไร่มีแปลงอื่นที่นอกเหนือจากแปลงที่ดำเนินคดีพิเศษอยู่เดิมจะดำเนินการหากมีผู้ร้องเข้ามา
คดีที่ภูเก็ต มีหลายคดี แต่งานนี้ให้ความสำคัญกับคดีนี้มากเพราะคดีอื่นตอนนี้เดินหน้าไปแล้ว หลายคดีอยู่ในช่วงทำคำสั่งฟ้อง บางคดีอยู่ระหว่างรวบรวมสรุปสำนวนคดีหลายเรื่องส่งปปช. รอส่งกลับให้เราสอบสวน ซึ่งคดีที่ส่งให้ปปช. มี 10 คดี ที่ผ่านตา คดีเก่าๆ บางเรื่องเช่นเรื่องนี้ไปปปช.ตั้ง 3-4 ปี ก่อนเพิ่งกลับมาและเพิ่งดำเนินการ ดังนั้นน่าจะมีอีกเยอะที่จะพยายามไล่ดูอยู่
ทางด้าน นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า ตอนนี้ดำเนินการ กับผู้บุกรุกใหม่ แจ้งความบังคับคดี และในส่วนการขึ้นทะเบียนที่ดิน นสล .ทางจังหวัด เร่งให้ขึ้นทะเบียนนสล . เราทำงานร่วมกับอำเภอจังหวัดจะให้พื้นที่นี้ขึ้นนสล.ให้เร็ว ถ้ามี นสล.โทษจะสูงน่าจะเกิดการเกรงกลัวมากกว่าการประกาศพื้นที่สาธารณะ และ ได้แจ้งผู้ครอบครองทราบแล้ว ทั้ง ป้ายประกาศและร้องทุกข์ที่สภ.เชิงทะเล ได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: