จเรตำรวจลงพื้นที่ภูเก็ตแถลงข่าว การกวาดล้าง ปราบปรามและทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลักลอบกระทำความผิดในห้วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมี เครือข่ายสำคัญ
เมื่อเวลา 14.30น. วันนี้ 1 พ.ค.65 ที่ กองบังคับการ ตำรวจภูธรตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช./ผอ.ศปชก.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.๘, พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต
1. จับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวยูเครนหลังหลีกเลี่ยงชำระภาษีจ้างงาน มูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ รายละเอียดดังนี้ เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ได้ร่วมจับกุมนายโอเล่ (นามสมมติ สัญชาติยูเครน
และนายแซน (นามสมมติ) สัญชาติยูเครน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิง
แก่บุคคลต่างด้าว, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันฉ้อโกง สืบเนื่องจากทาง Homeland Security Investigations (HSI) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสานขอความร่วมมือให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยมีพฤติการณ์เมื่อ พ.ศ.2550 – 2564 ผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารกิจการบริษัทจัดหางานหลายบริษัทในรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐฯ ได้ดำเนินการจัดหาแรงงานนอกกฎหมายจำนวนหลายร้อยราย ให้ไปทำงานรับจ้างในกิจการ งานบริการต่างๆ เช่น โรงแรม บาร์ และร้านอาหาร โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ทำการหลีกเสี่ยง การชำระภาษีการจ้างงานให้แก่ภาครัฐ โดยคิดรวมมูลค่าการจ้างงานรวมเป็นเงินกว่า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 2,258,034,000 บาท) คิดมูลค่าความเสียหายจากภาษีที่หลบเลี่ยงการชำระให้แก่ภาครัฐรวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 337,020,000 บาท) โดยจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้เข้ามาภายในประเทศไทย ในฐานะนักท่องเที่ยว และพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าแห่งหนึ่งภายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำหมายศาลเข้าตรวจคันวิลล่าดังกล่าวพบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตามกฎหมายต่อไป
2. รวบขบวนการข้ามชาติ แก๊งสแกมเมอร์ผิวสี หลอกขายสินค้าบนเว็บไซด์ดัง ซ้ำร้ายลวงหญิงไทยเป็นม้าเปิดบัญชี ก่อนซ้อมปางตาย รายละเอียดดังนี้ เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ได้ร่วมจับกุมนายเอฟ (นามสมมติ) สัญชาติแคมมารูน ในข้อหา “เป็นบุคคลเดินทางเข้ามาและพักอาศัยในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ” และนายซี (นามสมมติ) สัญชาติแคมมารูน ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง ” สืบเนื่องจาก ศปชก.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้ถูกคนร้ายเป็นคนผิวสีไม่ทราบชื่อนามสกุลทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขู่ โดยพยายามที่จะพาไปกระทำชำเรา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายดังกล่าว คือ นายเอฟ มีพฤติกรรมในการเป็นแก็งหลอกลวงคนต่างชาติและคนไทย โดยมักจะตีสนิทกับผู้หญิงไทยและให้ผู้หญิงไทยไปทำการเปิดบัญชี (บัญชีม้า) เพื่อเอามาใช้ในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งผ่านสายไหม จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี จากการตรวจค้นพบนายเอฟ และนายซี อยู่ในบ้านพัก ซึ่งในบ้านพักจะมีห้องทำงานแยกเป็นส่วนตัว โดยจะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายทั้งสองมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ Alibaba โดยจะทำการปลอมเว็บไซต์ ชื่อ janjirasuanngamdeeveeralak อ้างว่าเป็นเว็บของบริษัทในการทำธุรกิจส่งสินค้าจากประเทศไทยไปต่างประเทศ และเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากคนร้ายบนแพลตฟอร์ม Alibaba แล้วคนร้ายจะให้ลูกค้าเพิ่มการติดต่อส่วนตัวในแอพพลิเคชั่น Whatsapp เพื่อทำการพูดคุย โดยคนร้ายจะทำการอ้างว่าตนเป็นบริษัทส่งสินค้าจากประเทศไทย มีสินค้าหลายรายการ ได้หลอกลวง MR.HAN (นามสมมติ) สัญชาติเกาหลี (เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว) ในพฤติการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ ได้เงินไปประมาณ 20 ล้านบาท โดย MR.HAN ไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับนายอิบรา แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักร ของนายอิบรา พบว่าได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทาง ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2564 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และขออยู่ต่อเรื่อยมาจนได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 13 พ.ค 2565 การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด ซึ่งจากการพิจารณาพฤติการณ์แล้ว เห็นว่า นายอิบรา มีเจตนาที่จะหลอกลวงบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายอันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสังคม การกระทำของ
นายอิบรา ดังกล่าวอาจเป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความ
ปลอดภัยของประชาชน ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำเข้าข่ายลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ และมีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาต ผบก.สส.สตม, จึงได้เพิกถอนการอนุญาคให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายอิบรา และสืบสวนจนทราบว่านายอิบรา เข้าพัก อาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ซอย 22 ถ.สุขุมวิท เขตคลองเตย กทม. จึงได้ไปตรวจสอบพบตัวนายอิบราฯ จึงแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และนำตัวมาควบคุมเพื่อรอการผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร พร้อมกับบันทึกข้อมูลในระบบบัญชีต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
- นครพนม : กองทัพบก ร่วมกับ Kubota มอบไออุ่นในพื้นที่ภาคอีสาน มอบเสื้อกันหนาวให้ชาวนครพนม ตามโครงการ "คูโบต้า พลังใจ สู้ภัยหนาว" ปี 2567
- พาณิชย์ จ.สมุทรปราการ จัดงาน 'ปากน้ำโกอินเตอร์'ให้ชาว จ.ระยอง ชิมช้อปอย่างจุใจ
- จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
โดยมีการส่งใบรับรองบริษัทและหนังสือเดินทางของคนไทยปลอม ที่คนร้ายได้ทำการตัดต่อให้ลูกค้าและเมื่อลูกค้าหลงเชื่อจะทำการส่งใบนำส่งสินค้าปลอม (invoice) และประทับตราปลอม เพื่อส่งให้กับลูกค้าที่หลงเชื่อ ซึ่งหากต่อมาทางลูกค้าได้สอบถามถึงสถานะสินค้า ก็จะมีการอ้างว่าสินค้าไม่สามารถส่งได้เนื่องจากต้องจ่ายค่าประกัน ก็จะให้ทางผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายอีก ซึ่งบัญชีที่คนร้ายให้ทางผู้เสียหายโอนนั้น จะเป็นบัญชีที่เปิดในประเทศอิตาลีและประเทศไทยเป็นหลัก โดยบัญชีที่เป็นของประเทศอิตาลีจะมีเพื่อนร่วมขบวนการในการจัดการบัญชีอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลายรายความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทและได้ทำการขยายผลพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมในการใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นซึ่งเป็นของเพื่อนร่วมชาติไปทำการออกเอกสารราชการต่างๆ เพื่อเอามาใช้ในการหลอกเจ้าหน้าที่หากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และนายเอฟ ได้รับสารภาพว่าตนคือบุคคลที่ทำร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญผู้หญิงไทยที่ได้เข้ามาร้องเรียนจริง โดยพยายามที่จะพาผู้หญิงไทยขึ้นห้อง แต่ผู้หญิงไทยไม่ยินยอมและหลังจากพา ผู้หญิงไทยขึ้นห้องแล้วก็ได้มีเจ้าหน้าที่ รปภ. มาช่วยไว้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมคนร้ายทั้งสองรายและตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี รวมกว่า 25 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ทำการติดต่อผู้เสียหายจำนวนหลายรายเพื่อเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีทำร้ายร่างกายหญิงไทย ในการดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมายต่อไป
3. รวบสมาชิกแก๊งเงินดำพบพฤติกรรมเคยหลอกผู้เสียหาย สูญเงิน 20 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2565 เวลาประมาณ 15.00 น. ศปชก.ตร. ได้ทำการตรวจสอบชายชาวต่างชาติที่ต้องสงสัยว่าฉ้อโกงทรัพย์ (เงินดำ) ที่อเมซิ่งพูลวิลล่า ซ.หม่อมหลวงชื่นใจ ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จากการตรวจสอบพบนายอิบรา (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติเชียร์ราสิโอน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สีน้ำตาล ภายในบรรจุห่อสีดำขนาดเท่ากับธนบัตร 1,000 บาท จำนวน 2 ห่อ ซึ่งจากการสอบถามนายปาร์ค (นามสมมติ สัญชาติเกาหลี แจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2565 เวลา 14.00 น. นายอิบราได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อมาว่ามีเงินจำนวน 2 ล้านบาท บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางแต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้จะต้องใช้น้ำยาเคมีทำความสะอาดก่อน พร้อมทั้งจะสาธิตการทำความสะอาดให้ดูด้วย นายปาร์คจึงนัดพบกับนายอิบรา ที่ อเมซิ่งพูลวิลล่าฯ ซึ่งนายอิบรา เดินทางมากับเพื่อนชื่อเล่นว่านายโด้
(นามสมมติ) สัญชาติเดียวกัน ขณะทำการสาธิตอยู่นั้น นายปาร์ค ได้แจ้งกับนายอิบราฯ ว่าได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุม นายโด้ได้ยินจึงได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. จึงได้ทำการตรวจยึดกระเป๋าใบดังกล่าวมาเก็บไว้ พร้อมทั้งเชิญตัวมาเพื่อตรวจสอบสถานะบุคคลกับระบบพิสูจน์อัตตลักษณ์บุคคล(Biometrics) นอกจากนี้ จากการสอบถามนี้นายปาร์ค แจ้งว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2560 นายอิบราและดำเนินคดีกับคนต่างด้าวที่พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด และเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจพบนายสมหมาย (นามสมมติ) อยู่ในที่เกิดเหตุให้การยอมรับว่าเป็น
ผู้จัดการร้านคาราโอเกะดังกล่าว จึงได้จับกุมนายสมหมายดำเนินคโดยกล่าวหาว่า “ตั้งสถานบริการโดย
ไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปิดให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ภายในสถานประกอบการเกินเวลา 23.00 น. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 14 รายพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
5. รวบ 2 นักพนันชาวรัสเซียเปิดคอนโดหรูลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุม นายร้อคโค่ (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเชีย และ
นายยูนาฟ (นามสมมุติ สัญชาติรัสเชีย ในข้อหา “ลักลอบเล่นการพนัน (ไฟโปกเกอร์ พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต” สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มคนชาวต่างชาติ เช่าคอนโดหรูแห่งหนึ่งภายในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีพฤติกรรมอันน่าสงสัยและอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจนพบผู้ต้องหาทั้งสองกำลังนั่งเล่นการพนัน (ไพ่โปกเกอร์) ผ่านเว็ปไซต์ https://ww.pokerking.com โดยผู้ต้องหายอมรับว่าได้เล่นจริงและยังบอกอีกว่าตนได้ชักชวนชาวรัสเซียที่เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ชลบุรีมาร่วมเล่นการพนันที่ห้องตนเปิดไว้เล่นพนันออนไลน์โดยเฉพาะ และมีจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเล่นพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่าล้านบาทต่อวัน จึงได้ดำเนินการตรวจยึดของกลางแล้วควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติและการเข้าเมืองผิดกฎหมาย อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และขอประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนผู้พบเห็นการกระทำผิด หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายข้ามชาติ และเข้าเมืองผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร. อาคาร 1 ชั้น 7 สำนักงานตำรวจแห่งชาติถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. 10330 เบอร์โทรศัพท์ 02-205-3708
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: