แท็กซี่ภูเก็ตโต้ไม่ใช่ “มาเฟีย” หากทำถูกต้องตามหลักการก็มาวิ่งได้ตามปกติ พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไข
จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 แชร์คลิปพร้อมโพสต์ข้อความ กรณีรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสารที่ห้างภูเก็ตแต่แท็กซี่เจ้าถิ่นไม่ให้รับ ทั้งยังบังคับแขกให้ลงจากรถ แต่แขกชาวต่างชาติไม่ยอมลง กลับยืนรุมล้อมรถเหมือนเป็น “มาเฟีย” พร้อมทั้งระบุอีกว่า เกรงว่าหากปล่อยผ่านพฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้เสียชื่อการท่องเที่ยวภูเก็ตและประเทศไทย
ล่าสุดวันนี้ (25 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณหน้าห้างที่เกิดตามในคลิปและพบกับ นายสมพร หนูคล้าย อายุ 53 ปี ประธานสหกรณ์บริการรถยนต์รับจ้างอันดามันภูเก็ต จำกัด ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ บริเวณจุดเกิดเหตุที่มีรถแท็กซี่ป้ายกรุงเทพฯ เข้ามารับผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน โดยระบุว่า ในขณะนี้มีหลายแอปฯ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นรถถูกกฎหมายทางตนให้รับหมด แต่คันดังกล่าวเป็นรถทะเบียนต่างจังหวัดและเป็นรถป้ายดำ
“ทางขนส่งจังหวัดและตำรวจเคยแจ้งไปแล้วว่า รถต่างจังหวัดรับไม่ได้ รถป้ายดำเป็นรถที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องเพื่อการรับส่งผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางประกันก็ไม่จ่าย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพวกเรา บางคนมีงานทำ พอตอนเย็นก็มาวิ่งแอปฯ ทุกคนมีสิทธิ์ทำมาหากิน แต่ต้องถือความถูกต้องเป็นหลัก” นายสมพร กล่าว
“อยากฝากทางขนส่งฯ ผู้ว่าราชการ ให้ช่วยมาดูแลพวกเราด้วย ขอให้นึกถึงตอนไม่มีแขก ตอน คสช. บังคับให้พวกเราทำป้ายเขียว จ่ายคนละเจ็ดแปดหมื่นบาท หากโดนจับก็ต้องจ่ายค่าประกัน 150,000 บาท โดนขึ้นศาลต้องจ่ายค่าปรับอีก 10,000 บาท ไปถามได้เลย สมัยก่อนทุกคิวโดนแบบนี้หมด พอช่วงโควิดต่างคนต่างไปก็ไม่มีปัญหา พอหลังโควิด ลูกค้าเริ่มเยอะรถถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้าง ก็ต้องมาทำให้ถูกต้องก่อน” นายสมพร อธิบายเพิ่มเติม “คนที่อ้างว่าเราแท็กซี่มาเฟีย มาคุยกันได้เลยพวกเราไม่ใช่มาเฟีย”
นายธนูทอง ปายา อายุ 54 ปี คนขับแท็กซี่ที่คิวเกิดเหตุ กล่าวว่า วันนั้นตนอยู่ในเหตุการณ์ ข่าวลงว่าพวกตนไปล้อมรถจะนำลูกค้าลงจากรถไม่เป็นความจริง
“เขาแค่บอกว่าครั้งนี้คุณเอาลูกค้าไปได้ แต่ครั้งต่อไปทำแบบนี้ไม่ได้นะ อย่าแต่งเรื่องเลย พวกเราคนทำมาหากิน ไม่ได้เป็นมาเฟียไม่ใช่ อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ช่วยเราด้วย พวกเราชาวบ้านทำมาหากิน แอปที่ผิดกฎหมายมีเยอะ รถป้ายดำวิ่งทั่วไปหมด ถ้าเป็นรถถูกกฎหมายพวกเราจะไม่ว่าเลย”
ทางด้าน นายกรณ์พิทักษ์ อาสน์สุวรรณ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเป็นรถแท็กซี่ทะเบียนกรุงเทพฯ เข้ามารับผู้โดยสารจริง และอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนจนมีการปะทะคารม ในส่วนของขนส่งเองก็จะมีการเรียกเข้าพูดคุย ซึ่งหากมีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายขนส่งก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่เกี่ยวกับความผิดทางอาญาก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
