ภูเก็ต เต้ มงคลกิตติ์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงพื้นที่ บริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ต อ้อนขอคะแนนเสียง สถานบันเทิงเปิดถึงตี 4 แก้ปัญหาเก็บส่วย เก็บภาษีได้มากขึ้น
วันนี้ (26 เม.ย.66) นายมงคลกิตติ์ หรือเต้ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร อาทิ น.ส.ภคอร จันทรคณา, นายศยุน ชัยปัญญา, พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์,นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ เป็นต้น และผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง เดินทางลงพื้นที่บริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อแนะนำตัวและนโยบายของพรรคฯ พร้อมสอบถามข้อมูลปัญหาต่างๆ และสถานการณ์การท่องเที่ยว แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่มีการลงสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ได้หมายเลข 42 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันมีแฟนคลับซึ่งมาท่องเที่ยวบริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ตมาขอถ่ายภาพเป็นระลึกด้วย นอกจากนี้ยังมีรถแห่กระจายประชาสัมพันธ์ไปตามถนนสายต่างๆ ด้วย โอกาสนี้ก่อนที่จะเดินทางเข้ามายังตัวเมืองภูเก็ตยังได้แวะสักการะศาลหลักเมืองภูเก็ต เพื่อขอพระและความเป็นสิริมงคล
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตว่า ในครั้งนี้ในส่วนของพรรคฯ ไม่ได้ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใน จ.ภูเก็ต แต่ด้วยมีการลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ จึงมาแนะนำตัวและขอโอกาสจากคนภูเก็ตในการเลือกในส่วนของพรรค โดยส่วนตัวเคยลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตมาแล้วหลายครั้งในฐานะกรรมาธิการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์และคาสิโน เพื่อมารับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเปิดให้บริการของสถานบันเทิง เพราะทราบว่าเปิดให้บริการได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น รวมถึงความปลอดภัยกรณีเกิดเพลิงไหม้ที่เมาน์เทินบี โดยได้เสนอให้รัฐบาลอนุญาตเปิดสถานบันเทิงได้ถึงเวลา 4 นาฬิกาตามคำขอของผู้ประกอบการในขณะนั้น แต่ปรากฏว่าได้รับอนุญาตได้เพียงหนึ่งนาฬิกา ในความเป็นจริงภูเก็ตเป็นพื้นที่พิเศษหรือคล้ายๆ กับพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว
เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คาดการณ์ว่าทั่วประเทศจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 30 ล้านคน คาดว่าจะเดินทางมาภูเก็ตกระจุกตัวอยู่ที่ภูเก็ตประมาณเดือนละ 1.5 ล้านคน หรือปีละประมาณ 18 ล้านคน ด้วยเวลาของประเทศไทยกับต่างประเทศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นในบางพื้นที่ เช่น ถนนบางลา ป่าตอง น่าจะเปิดเวลา 4 นาฬิกา เป็นต้น เพื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าฯ จะได้ไม่ต้องเก็บส่วน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ว่าฯ เก็บส่วยนะ แต่จะเป็นใครตนไม่ทราบ เพื่อตำรวจจะได้ไม่ต้องมาหาเศษหาเลยกับผู้ประกอบการ เมื่อมีรายได้ทำให้สามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ มีรายได้ เพราะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเขาเป็นหนี้เป็นสินกันค่อนข้างมาก จะทำให้สามารถปลดหนี้ได้ ด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก และอยากให้กระจายไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย รวมถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยของสถานบันเทิงด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ มีการตรวจสอบเรื่องของระบบไฟฟ้า การระบายอากาศและระบบดับเพลิง ตลอดจนการจัดการด้านจราจรและการคมนาคมขนส่ง ไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และไม่เอาเปรียบกันเอง
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อไปว่าหากเปิดเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ เช่น ผู้ว่าฯ มีเงินเดือนแสนกว่าบาทก็อาจจะเพิ่มเป็นสองแสนบาทก็ได้ เพราะทำงานมากกว่าคนอื่น เป็นเงินเพิ่ม เป็นต้น และอยากเสนอรัฐบาลในฐานะเคยเป็นรองกรรมาธิการฯ คาสิโน ให้เปิดพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษคาสิโนให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงยกเว้นกฎหมายเรื่องการตรวจสอบที่มาของเงิน กรณีนั่งเครื่องบินไปรเวทเจ็ทเข้ามายังโรงแรมที่ภูเก็ต และให้รับเพียง 200 คนต่อวัน 365 วัน รวมเกือบ 70,000 คน เอาเงินมาเล่นคนละ 100 ล้านบาท จะมีรายได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี จะสามารถเก็บภาษีได้หากรัฐเปิดเอง และใช้หนี้สาธารณะได้ปีละ 700,000 ล้านบาท หรือจะเอาไปจ่ายภาษีน้ำมันปีละ 400,000 ล้านบาท หรือชดเชยการบริการจัดการพลังงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว เป็นต้น
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่าอยากให้พี่น้องชาวภูเก็ตทั้ง3 เขตหน่วยเลือกตั้ง ในส่วนของเขตจะเลือกใครก็ได้ พรรคไหนที่ซื้อเสียงก็รับเงินไป แต่ให้เลือกพรรคที่ไม่ซื้อเสียง เพราะเงินที่เอามาซื้อเสียงเป็นเงินโกง เช่น ค่าก่อสร้าง คอมมิสชั่น ส่วยแรงงานต่างด้าว ส่วยบ่อนออนไลน์ เป็นต้น ส่วนบัญชีรายชื่อไม่ค่อยมีการซื้อเสียงกันซึ่งเป็นอิสระ หากอยากให้พรรคไทยศรีวิไลย์เป็นตัวแทนเป็นปากเสียงให้กับคนภูเก็ตให้เลือกเบอร์ 42 เชื่อว่า ส.ส.ภูเก็ตเจอตนคนเดียวก็หนาวแล้ว ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งกว่า แต่ ส.ส.มงคลกิตติ์ และพลพรรคใจถึงกว่าเยอะ กล้าท้าชนทุกเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้องเราทำ ฉะนั้นสิ่งผิดๆ ในประเทศไทยมีมากจึงต้องทำให้ถูกต้อง จะได้แก้และล้างระบบส่วยใน จ.ภูเก็ตให้หมด ให้เป็นภาษี ข้อดีคือ ชาวภูเก็ตร่ำรวยอยู่แล้ว ฐานะดีขึ้นอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวมามากขนาดนี้ไม่รวยก็บ้าแล้ว รับรองปีหน้านักท่องเที่ยวจะมามากขึ้น หนี้สินเก่าๆ ในช่วง 3 ปีจากโควิด-19จะหมดไปแน่นอน
ซึ่งตนพยายามออกนโยบายให้กระจายนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตไปปัตตานี ยะลาและนราธิวาสด้วย
ทั้งนี้หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการกราบสักการะศาลหลักเมืองภูเก็ตด้วยว่า ขอให้พี่น้องชาวภูเก็ตจำนวนประมาณ 400,000 คน ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ได้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ เบอร์ 42 หากไม่รู้จะเลือกพรรคไหน เพราะพรรคใหญ่เขาไป ส.ส.เขตอยู่แล้ว หากเอ็นดูพรรคไทยศรีวิไลย์ ขอร้องให้เลือกเบอร์ 42 ไว้ในหัวใจ และรับรองว่าเราทำงาน 100 % เพราะไม่ได้มาจากการซื้อเสียงแต่มาจากการทำงานเท่านั้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: