ภูเก็ต ตำรวจภาค 8 รวบ 3 รัสเซีย ลักลอบทำธุรกิจในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตั้งบริษัทปล่อยรถ-เช่ารถ ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
จากกรณีเกิดเหตุฝรั่งเตะหมอ ขณะนั่งชมพระจันทร์เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่บริเวณบันไดขั้นสุดท้ายหน้าวิลล่าหรูหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ส่งผลให้เกิดการตรวจสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยประกอบอาชีพในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในลักษณะของการแย่งงานคนไทยในหลายกลุ่มอาชีพ
ล่าสุดทาง ผบช.ภ.8 และผบก.สส.บก.สส.ภ.8 สั่งการให้ พ.ต.ท.จงเสริม ปรีชา รองผกก.สส.3 บก.สส.ภ.8 นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ลักลอบทำธุรกิจปล่อยรถเช้าโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ต.เชิงทะเล
จากการตรวจสอบสามารถจับกุมชาวรัสเซียจำนวน 3 คน ประกอบด้วยนายสเตปัน ยานู เบนโก อายุ 38 ปี นายดมิทรี ชาดรินอายุ 34 ปี และนายโรมัน อเล็ก ซานโดรวิช อายุ 43 ปี สัญชาติรัสเซียพร้อมของกลาง 1.เครื่องเซิร์ฟเวอร์บันทึกกล้องวงจรปิดยี่ห้อHIKVISION จำนวน 1เครื่อง 2.หนังสือสัญญาเช่ารถ 4 ชุดๆละ 2 แผ่น 3.เอกสารแสดงตารางการทำงานของพนักงาน 2 แผ่น 4.เอกสารแสดงอัตราค่าเช่ารถ 4 แผ่น 5.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท 21แผ่น โดยจับกุมได้ที่บริษัทแห่งหนึ่งบนถนนศรีสุนทร ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์ และรถจักรยานยนต์แก่นักท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติเป็นกรรมการบริษัท และจ้างบุคคลต่างชาติซึ่งไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันเดินทางไปยังที่ตั้งของบริษัทรถเช่าดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านหน้าพบเห็นบริษัทดังกล่าวเปิดให้บริการเช่ารถตามปกติ มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติเดินเข้าออกบริษัทอยู่ตลอดเวลาและพบเห็นบุคคลชาวต่างชาติจำนวน 2 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารต่าง ๆ วางอยู่และทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าทำเอกสารเช่ารถ หรือคำปรึกษาแก่ลูกค้าที่เข้าไปติดต่อบริษัท
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินเข้าไปภายในบริษัท และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง และใบอนุญาตทำงานของบุคคลต่างชาติแต่ชาวต่างชาติทั้ง 2 คน ไม่สามารถนำใบอนุญาตทำงานมา จึงได้จับกุมและควบคุมตัวคนดูแลบริษัทไปสอบสวนเพิ่มที่ สภ.เชิงทะเล โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าผู้ถูกจับที่ 1“รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน” และผู้ถูกจับที่ 2และ3 “เป็นบุคคลต่าวด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”
