สถานการณ์ฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ ยังพบว่าเกินเกณฑ์มาตรฐานถึง 6 สถานี โดยเฉพาะบริเวณริมถนนพญาไท ที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กยังพุ่งสูง
กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ ยังมี 6 สถานีที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน คือ ริมถนนพระราม 4 , ริมถนนอินทรพิทักษ์ , ริมถนนลาดพร้าว , ริมถนนพญาไท , เขตบางนา และเขตวังทองหลาง แต่ปริมาณฝุ่นก็มีแนวโน้มจะลดลง ยกเว้นริมถนนพญาไท ที่ยังมีปริมาณฝุ่นสูงขึ้น
นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะกทม.เร่งล้างทำความสะอาดถนน ขอความร่วมมือควบคุมฝุ่นจากการก่อสร้าง รวมทั้งสภาพอากาศเริ่มถ่ายเทได้ดี นอกจากนี้ ช่วงวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์นี้ จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ซึ่งจะมีโอกาสช่วยเจือจางปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้
กรมควบคุมมลพิษ ยังแนะนำประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หากจำเป็นต้องออกจากอาคาร หรือเข้าไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ควรใส่หน้ากากอนามัย และหากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์
ส่วนกรณีที่นายธารา บัวคำศรี ผอ.ประจำประเทศไทย กรีนพีชเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ว่า ค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ เช่น เขตบางนา เมื่อนำไปเทียบกับดัชนีคุณภาพอากาศ ตามวิธีของสหรัฐฯ ผลคืออยู่ในระดับสีแดง แสดงว่าคุณภาพอากาศมีอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นวิกฤตด้านสุขภาพของประชาชน
กรมควบคุมมลพิษชี้แจงว่า การกำหนดค่าดัชนีคุณภาพอากาศของแต่ละประเทศ จะกำหนดค่ามาตรฐานจากข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาของประเทศ สภาพเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งค่ามาตรฐานของไทยกับสหรัฐฯ แตกต่างกันมาก
โดยไทยกำหนดค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของสหรัฐฯไม่เกิน 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ระดับการแบ่งช่วงค่าและความหมายของสีที่ใช้ ระหว่างดัชนีคุณภาพอากาศของไทยกับสหรัฐอเมริกาก็แตกต่างกัน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
