สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ถึงช่วงเวลาสำคัญในการตรวจสอบเงิน ที่ถูกระบุว่าได้มีผู้แอบถอนจากบัญชีงวดล่าสุด 400 ล้านบาท เหลือค้างบัญชีเพียง 7 หมื่นกว่าบาท ที่มีทั้ง “ตอ”ต้นเบ่อเร่อ และวงความเสียหายไม่น้อยรออยู่ข้างหน้า
ผ่านหลายวิกฤต แต่ก็รอดมาได้ทุกสถานการณ์สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กรณีข่าว “เงินหาย 400 ล้านบาท” สมาชิกสหกรณ์ร่วม 2 หมื่นคนได้ข่าว ส่วนใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ…อีกแล้วรึ ?
เงิน 400 ล้านกว่าบาท ที่ถูกระบุว่ามีบางคนไปแอบถอนจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ที่ฝากประจำไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้ โลตัส ฟอร์จูนทาวน์ หรือสาขาถนนดินแดง เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย
หากหายจริงถามว่ากระทบกับการดำเนินการของสหกรณ์หรือไม่ บอกให้ฟังแบบง่าย ๆ ว่าแทบไม่มีผล เพราะสหกรณ์ฯครูขอนแก่นถือเป็นสหกรณ์ระดับใหญ่ (มาก ๆ) มีสินทรัพย์ร่วม 30,000 ล้านบาท แถมยังมีสภาพคล่องที่เป็นเงินสด ๆ ณ ปัจจุบันกว่า 11,000 ล้านบาท
โดนหนี้เน่าที่เอาเงินสาหกรณ์ไปฝากสหกรณ์ฯคลองจั่น 137 ล้านที่เจ๊งได้กลับคืนมาแบบกะปริดกะปรอย หรือช่วงดอกเบี้ยเงินกู้ขาขึ้น ก็ยังไม่กระเทือนกับยอดกำไรที่พุ่งขึ้นทุกปี
400 ล้าน เทียบได้ก็ประมาณ 4 % ย่อมไม่ส่งผลกระเทือนต่อความมั่นคงของสหกรณ์ที่ทำกำไรอย่างต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท และความเป็นจริงถ้าตรวจสอบในรายงานประจำปีตั้งแต่ปี 2013 หรือปี 2556 เงินก่อนนี้ก็ไม่ปรากฏในบัญชีแล้ว แต่น่าจะแฝงมาในลักษณะของดอกเบี้ยเงินฝาก ในอัตรา 1 % กว่า ปีละ 4.4 ล้าน
เท่ากับว่าเงินก้อนนี้ไม่ได้มีผลต่อการประกอบกิจการของสหกรณ์ฯนานแล้ว
เจ้าตัวเลขดอกเบี้ยรับปีละ 4.4 ล้านที่ได้ทุกปีนี่แหละที่ทำให้คนเข้าใจว่า “เงินต้น” มันยังอยู่ แต่เอาเข้าจริงข่าวลือกระฉ่อนว่าเงินต้นหายจนทำให้คณะกรรมการชุดที่ 57 ที่มี อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ เป็นประธานต้องไล่ล่าหาความจริงว่าเงินมันอยู่ไหน
และก็เจอเรื่องพิลึกพิลั่นเข้าจนได้
1.ปี 2553 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด โดยคณะกรรมการชุดที่ 48 มีมติให้นำเงินไปฝากกับธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สาขาถนนดินแดง กทม. แบบฝากประจำ เมื่อปี 2553 เลขที่บัญชี 144-01918-9 เพื่อให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของสหกรณ์ ประเดิมเงินฝากก้อนแรก 4 เม.ย.2553 จำนวนเงิน 748,000,000.00 บาท (เจ็ดร้อยสี่สิบแปดล้านบาทถ้วน) สำนักงานอยู่ขอนแก่นแต่ไปฝากถึงกทม.ได้ดอกเบี้ยเพียงบาทกว่า
2. ผู้มีอำนาจลงนามในบัญชีเงินฝาก มี 4 คน ประกอบด้วย 1.นายนิวัตร 2.นายนพรัตน์ 3.นายสมศักดิ์ 4.นายเอกราช แต่เปลี่ยนคณะกรรมการไป 8 ชุด ในรอบ 9 ปี (ชุดที่ 48-57 ) ปรากฏว่าคณะกรรมการดำเนินการไม่มีการเปลี่ยนแปลงลายมือชื่อผู้เบิกตั้งแต่มีการเปิดบัญชีเงินฝาก
3.18 พ.ย.2562 คณะกรรมการชุดปัจจุบัน (57) นำโดยประธานกรรมการสหกรณ์ฯ นำสมุดบัญชีที่ต้องสงสัยว่าเงินหายไปขอปรับสมุดคู่เงินฝาก หรือขอ statement ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สาขา เทสโก้โลตัส เอ็กตร้า ขอนแก่น ปรากฏว่าธนาคารไม่สามารถปรับสมุดคู่เงินฝากให้ได้โดยให้เหตุผลว่า “บัญชีผิดปกติ”
ทั้งที่ทั่ว ๆ ไป ใครก็ถือสมุดบัญชีไปปรับที่ธนาคารสาขาไหนก็ได้
4.สมาชิกสหกรณ์ฯทวงถามภายในตลอด เงินบัญชีเงินฝากมีความผิดปกติหลังฝากก้อนแรก 748 ล้าน พบการโอนเงินเข้าออกหลายครั้ง บางครั้งมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 1,900 ล้านบาท และพบว่ายอดล่าสุดมีการถอนเงิน 400 ล้านเหลือค้างบัญชีเพียง 7 หมื่นกว่าบาทตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.2556 และบัญชีก็ไม่ขยับอะไรอีกเลย แต่ไม่มีใครตอบ
5.การหมุนเวียนเงินในบัญชี 144-01918-9 ไม่ปรากฏในรายงานประจำปี ของสหกรณ์ ปี 2561
มันเป็นความผิดปกที่ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.ขอนแก่น ที่มีดร.วิศร์ อัครสันตติกุล เป็นประธานชมรมฯ ที่เป็นหัวหอกในการติดตามทวงถามถึงเงินก้อนนี้เรียกว่าเป็น “แดนสนธยา” และล่ารายชื่อสมาชิกเพื่อเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพูดคุยเรื่องเงินเจ้าปัญหานี้
4 ธ.ค.62 เป็นวันที่คณะกรรมการสหกรณ์ฯ กำหนดวันประชุมเพื่อซักฟอกบัญชีเจ้าปัญหาและคงได้รับรู้พร้อมกันว่าเงินในบัญชีเหลือเท่าไหร่ เงิน 400 ล้านกว่าบาทที่บอกว่าหายยังอยู่ครบหรือไม่ ?
แต่อย่าวางใจอะไรจะราบรื่นมากนัก เพราะหากย้อนกลับไปดู 5 ข้อผิดปกติข้างบนแล้วการไล่ล่าหาความจริงก็ใช่ว่าจะง่าย ที่สำคัญคือธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ต้องให้ statement บัญชีเลขที่ 144-01918-9 ให้กับกรรมการชุดปัจจุบันเพื่อจะได้ตรวจเชคว่าเงินฝากยังคงอยู่อย่างไร หรือมีการยักย้ายถ่ายเทไปที่ไหน ?
ความจริงจะปรากฏเมื่อผู้มีอำนาจลงนามในบัญชี 4 คน ที่ยังเป็นคนเดิมตลอดระยะเวลา 9 ปี ยอมลงนามในเอกสารแบบคำขอ statement เพื่อให้กรรมการชุดปัจจุบันนำไปยื่นธนาคารหลังมีปัญหาบัญชีผิดปกติ และมาไล่เรียงที่มาที่ไปของเงินในบัญชีนี้
และการประชุมใหญ่วิสามัญ วันที่ 4 ธ.ค.นี้ที่คาดว่าบรรดาครูบาอาจารย์ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ทั้งที่ยังรับราชการและเกษียณไปแล้วคงมาร่วมประชุมกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของการตั้งสหกรณ์ฯครูขอนแก่น ในรอบ 59 ปี
การตรวจสอบภายในเพื่อความโปร่งใสเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าสหกรณ์ฯครูขอนแก่นจะไม่เคยมีเรื่องไม่ชอบมาพากล ดูในรายงานการประชุมประจำปี 2561 ก็ยังระบุชัด ในหน้า 59 ที่มีกลุ่มบุคคล รวม 8 คน ร่วมกันฉ้อโกงโดยการปลอมแปลงเอกสารการกู้เงินฉุกเฉิน จำนวน 4.2 ล้านบาท เมื่อปี 2555 และทั้งหมดก็ถูกดำเนินคดียังนอนอยู่ในเรือนจำ
นั่นเป็นเงิน 4.2 ล้านบาท ที่พบตัวผู้กระทำผิดและรับโทษไปแล้ว ยังรอขั้นตอนการสืบทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับคดีทางแพ่ง
แต่เงิน 400 กว่าล้านบาท ที่พบกลิ่นผิดปกติมา 6 ปี ตอนนี้ยังแค่เริ่มคลำทาง
มันเป็นเงินของครูร่วม 2 หมื่นคน คณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ที่รับโบนัสนอกเหนือจากค่าตอบแทน และเงินเดือน ปีละ 20 ล้านบาทต้องเร่งทำความจริงให้กระจ่าง
ทุกคนที่รู้ลึกตื้น หนาบาง ก็จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะคนที่จะเคลียร์เรื่องนี้ต้องอึดและกล้าพอ เพราะเป็นการท้าชนกับใครก็ไม่รู้…และวงเงินมันสูงถึง 400 ล้าน ไม่ใช่แค่ 4 ล้านอย่างที่เคยเชือด
กลัวอย่างเดียวที่พอรู้ความจริงว่าเงินหายจริงไม่ใช่แค่ข่าวลือแล้วเงียบ…แล้วปล่อยให้หมดอายุความ 90 วันนับจากวันที่รู้ว่าเงินหาย ไม่ดำเนินการฟ้องร้องเอาคนทำผิดมาลงโทษและนำเงินมาคืน วิธีการแบบนี้ที่เข้าข่ายแกล้งโง่นิยมทำกันเยอะ…เงินก็ไม่ได่้คืน คนผิดลอยนวล.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: