X

“ยากูซ่า”ไม่มีวันตาย

ลพบุรี- การจับกุมนายชิเกฮารุ ชิราอิ สมาชิกแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่นได้ขณะที่เขากำลังเดินเล่น และเล่นหมากรุกอย่างสบายใจกับคนไทยที่บริเวณศาลลูกศร ต.ท่าหิน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่11ม.ค.ที่ผ่านนับเป็นกุญแจดอกสำคัญอีกดอกหนึ่งที่จะขยายผลถึงการสยายปีกของแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่นที่ขยายอาณาจักรเข้ามาในประเทศไทย  นายชิเกฮารุ ชิราอิ ชาวญี่ปุ่น วัย 72 ปี สมาชิกแก๊งยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่นที่ชื่อแก๊ง “ยามากุชิ กุมิ” โดยเขาเป็นระดับหัวหน้าเขตเครือข่ายโคโดไก มีสมาชิกจำนวน 2 พันคน เดือนก.ค.2546 ชิเกฮารุ ในวัย 57 นำสมาชิกรวม7คนเข้าห้ำหั่นกับแก๊งโคโด-ไค (คันไซ)จนทำให้ระดับรองหัวหน้าแก๊งโคโด-โค(คันไซ)เสียชีวิตและเป็นคดีติดตัวจนเขาหนีออกจากญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา

หลังชิเกฮารุ หายตัวจากญี่ปุ่นอย่างไร้ร่องรอยราว 2 ปี ในทางสืบสวนย้อนหลังของตำรวจไทยพบว่าเขาหนีเข้าเมืองไทยเมื่อปี2548 และใช้ชีวิตแบบซ่อนตัวในเมืองเล็กๆ ที่ลพบุรี และแต่งงานกับหญิงไทยคนหนึ่ง และเลิกรากันเมื่อประมาณปี2557 แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ที่ลพบุรีความมาแตกเมื่อสิ่งที่ติดตัวเขามาคือรอยสักและนิ้วก้อยซ้ายด้วน ที่เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งยามากุชิ กุมิ ที่แสดงถึงความใจถึงโหดเหี้ยม ประกอบกับความชะล่าใจที่เขารอดพ้นจากเงื้อมมือตำรวจมาได้จนจะใกล้หมดอายุความ 20 ปีในอีก5ปีข้างหน้า ที่ช่วงหลังเขาชอบโชว์ลอยสักเต็มตัวของเขากับเด็กๆในลพบุรี จนมีคนถ่ายแล้วเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นหลักฐานว่าเขาคือ”ชิเกฮารุ ชิเรอิ”ยากูซ่าที่หนีหมายจับคดีฆ่าคนตาย

10 กว่าปีที่ชิเกฮารุ อยู่ในไทยไม่ปรากฏการทำมาหากินที่ชัดเจน แต่เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ได้แบบสบายๆ ว่ากันว่า”น้ำเลี้ยง”จากแก๊งต้นสังกัดยังส่งมาให้เขาอย่างต่อเนื่อง

“ยามากุชิ กุมิ”ที่ตั้งขึ้นเป็นแก๊งเล็กๆที่เมืองโกเบและจะครบ102 ปีในปีนี้(2561)ไม่ใช่แค่แก๊งธรรมดา ณ วันนี้ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศเลยทีเดียว ถึงขั้นปี 2012 หรือปี2557 ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ถึงกับประกาศห้าม”เคนิชิ ชิโนดะ”และ”คิโยชิ ทากายามะ”เป็นบุคคลอันตรายและห้ามเข้าสหรัฐ“เคนิชิ ชิโนดะ” หรือ”ซึคัดสะ ชิโนบุ”ตอนนี้วัย75ปี เขาคือตัวจริงเสียงจริงเป็นเบอร์1 ของแก๊งยามากุชิ กุมิ เจ้าของฉายาบุรุษผู้อันตรายที่สุด โดยมี”คิโยชิ ทากายามะ”เป็นเบอร์ 2 ที่ช่วยบริหารจัดการในส่วนที่ ชิโนดะดูแลไม่ทั่วถึง จนทำให้แก๊งยามากุชิ กุมิ ภายใต้การนำของชิโนดะ ที่ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าแก๊งเมื่อปี2548 และต่อมาก็ขึ้นเป็น”คุมิโซ”หรือหัวหน้าแก๊งรุ่นที่6 และทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่น  และทำให้แก๊งยามากุชิ กุมิ รุ่งเรืองอีกรอบภายใต้นโยบายของชิโนดะที่เน้นการปฏิรูปเครือข่ายของแก๊งให้ทันสมัย ทำธุรกิจทั้งเปิดเผยทั้งในตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิง และธุรกิจสีเทาทั้งการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนัน เรียกค่าคุ้มครอง ในปี2014 มีการประเมินว่ารายได้ไหลเข้าไปในเครือข่ายแก๊งยามากุชิ กุมิ สูงถึง 8 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.86 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

“ยากูซ่า”ที่ยึดถือในปรัชญาที่ว่า”ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ต่อสู้กับผู้เข้มแข็ง”หรือที่เรียกว่า”นิงเคียวโด”ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนหนึ่งก็ยังยอมรับการมียากูซ่าได้เพราะข้อดีบางอย่างในหลักการ”พิษแก้พิษ”ทำให้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ เช่นการลักเล็กขโมยน้อย ปล้น ฉก ชิง วิ่งราว เกิดในสังคมน้อยลงเพราะสมาชิกยากูซ่าช่วยกันดูแล แต่ในด้านมืดก็พบว่ายากูซ่ายังมีการเอารัดเอาเปรียบคนที่อ่อนแอกว่า และที่เป็นภาพลบอย่างมากคือการค้ามนุษย์

ยากูซ่ายุคปฏิรูป ที่แปลงร่างจากธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินบางส่วนภายใต้การกำหนดของแก๊งที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่นที่นำโดยชิโนดะทำให้ภาพเก่าๆของยากูซ่าบางส่วนอาจเลือนหายไป แต่ในความเป็นจริงแก๊งยากูซ่ายังเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลมาก ทั้งประเทศญี่ปุ่นมีสมาชิกแก๊งยากูซ่าถึง8 หมื่นคนและไม่ถือว่าผิดกฎหมาย และเกินครึ่งคือประมาณ40,000-45,000คน เป็นสมาชิกของแก๊งยามากุชิ กุมิ

ตามข้อมูลของทางการไทยยังพบว่าเครือข่ายแก๊งยามากุชิได้แผ่อิทธิพลมาในไทย โดยได้ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งการฟอกเงิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์ โดยใช้ชาวเอเชียดำเนินธุรกิจแทน ในลักษณะนอมินี

การจับกุมตัวชิเกฮารุ ชิราอิ ได้ครั้งนี้ตำรวจไทยได้ประสานกับทางการประเทศญี่ปุ่น เพื่อสืบสวนขยายผลแก๊งยามากุชิ กุมิ ที่แฝงตัวในมุมมืดในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมหารือถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับนายชิเกฮารุ และการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of นิกร จันพรม

นิกร จันพรม

ทำงานข่าวต่อเนื่องหลากหลายทั้งสายข่าวอาชญากรรม สาธารณสุข การเมือง ภูมิภาค กว่า20ปี ผ่านสื่อยุคเก่าทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ สำนักข่าว ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่สื่อออนไลน์