ผ่านไปเรียบร้อย สำหรับพิธีกรรม “จับผีบอป”3 หมู่บ้าน ใน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่ต้องใช้เวลาในการกวาดล้างบรรดาปอบและสมุนปอบถึง 3 วัน 3 คืน และคดีความจ่อคิวตามมาเพียบ
พระครูสุทธิ จิตรรักษ์ เจ้าอาวาสวัดกึมหญ้านาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ผู้ชำนาญการปราบปอบ และเป็นเจ้าพิธีใหญ่ในการกำจัดปอบที่สรุปตัวเลขในการไล่ล่าภูตผี สิ่งชั่วร้ายตลอด 3 วันว่า นับรวมจำนวนผีปอบและสมุนผีปอบ ล้วน ๆ ที่ตระเวณจับจาก 3 หมู่บ้าน ได้รวม 1,500 ตัว ที่จับมาขังในกระบอกไม้ไผ่เพื่อนำไปกำจัดต่อไป
ตัวเลขปอบที่จับได้มากมายขนาดนี้ก็ชี้วัดว่าพิธีกรรมใหญ่ ที่นิมนต์บรรดาเกจิปราบผีของชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ที่ต้องอยู่ในความหวาดผวามาหลายเดือนหลังมีมีคนใน 3 หมู่บ้านตายไม่ทราบสาเหตุ 5-6 ราย ที่สุดท้ายก็ชี้สาเหตุมาจาก “ปอบ” ก็คลายความกังวลใจลงได้บ้างหลังผ่านพิธีกรรม ขณะที่ผู้ว่าฯชัยภูมิก็สั่งนายอำเภอแก้งคร้อ หาทางเยียวยา ฟื้นฟูจิตใจชาวบ้าน
แต่ความคลายกังวลของคนนับพันที่อยู่ในอาการคล้ายๆ อุปทานหมู่ที่เชื่อว่ามีปอบคร่าชีวิต กลับสร้างปัญหาใหม่ให้กับคนอีกกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น ”ปอบ” และจากปัญหาความเชื่อที่ยังพิสูจน์ไม่ได้กลายเป็นคดีการละเมิดผู้อื่น ที่สำคัญของพิธีกรรมครั้งนี้มีการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาประโคมผ่านโซเชียลมีเดียโดยการไลฟ์สดพิธีกรรมปราบผีปอบ
ไม่น่าเชื่อว่าขบวนการปราบผีปอบยุค 4.0 จะก้าวหน้า และลืมคิดถึงผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะบรรดาผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ รวมทั้งญาติที่น้องที่ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยในฐานะ ลูกปอบ หลานปอบ ลุงบอป ป้าปอบ น้าปอบฯลฯ ที่สังคมที่มีความเชื่อเรื่องนี้จะแอนตี้วงศาคณาญาติของคนเป็นปอบโดยอัตโนมัติ
“วิธีการแบบนี้มันยิ่งสร้างความวุ่นวายตามมา แม้ปอบจะพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ แต่มันเป็นทั้งความเชื่อ ทั้งวัฒนธรรมของคนอีสานว่าปอบมี การกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้เป็นปอบมันไม่ได้กระทบกับแค่คนที่ถูกกล่าวหา ญาติพี่น้องก็โดนด้วย” รศ.ดร.เชิดศักดิ์ ฉายถวิล ผู้เชี่ยวชาญและศึกษาเรื่องปอบมาร่วม 20 ปี ให้ความเห็นกับเรื่องนี้
“ปอบ” ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่มีคนเชื่อว่ามี ไม่ต่างกับความเชื่อที่ว่าผีไม่มี ทุกคนไม่เคยเห็นผี แต่ทุกคนกลับกลัวผี
ความเชื่อเรื่องปอบ มีมาตั้งแต่โบราณ รศ.ดร.เชิดศักดิ์ บอกว่า ในกฎหมายตรา3ดวง สมัยพระบรมไตรโลกนาถ ก็ยังบัญญัติเรื่อง “ปอบ”ไว้ ซึ่งน่าจะมาจากช่วงนั้นเกิดปัญหาความวุ่นวายจากการกล่าวหาว่าใครเป็นปอบ โดยกฎหมายตรา3 ดวงสรุปว่าถ้ากล่าวหาว่าใครเป็นปอบ ต้องมีหลักฐาน เช่นหากพิสูจน์ได้ว่าคนที่ถูกกล่าวหามีการศึกษาเวทย์มนต์ มีการประกอบพิธีกรรม ซึ่งอาจจะผิดพลาด พึงสัญนิษฐานได้ว่าคนนั้นเป็นปอบตามกล่าวหา
กฎหมายโบราณว่าไว้แบบนั้น แต่ปัจจุบันคนบางกลุ่มก็มองว่าเรื่องปอบเป็นความงมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่กลับไม่มีอะไรมาปกป้องสิทธิผู้ที่ถูกกระทำให้ได้รับความยุติธรรม เช่นใครถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ คนในหมู่บ้านก็จะฮือขับไล่
หลายปีก่อนบางหมู่บ้านในเขต จ.ศรีสะเกษ คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ จะถูกชาวบ้านกรูรื้อบ้านกลางดึก ทั้งครอบครัวปอบต้องแตกกระสานซ่านเซ็นหนีตาย ต้องหนีไปอยู่ที่อื่นจนกลายเป็นชุมชนใหม่ของคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบมาอยู่รวมกันแล้วเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นไปเลย
กรณีการกล่าวหาว่าคนเป็นปอบที่อุบลราชธานี เมื่อหลายปีก่อน ที่ตอนนั้นเด็ก2 คนยังเรียนชั้นประถม ตอนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาว ครอบครัวต้องหนีออกจากหมู่บ้าน สังคมคนอุบลฯบางส่วนก็อุ้มชูหางานให้พ่อ-แม่ เด็กทำเลี้ยงชีพ ส่วนเด็กที่ต้องอาศัยอยู่กับญาติในหมู่บ้านก็อยู่ไม่ได้ เพราะสังคมมองว่าเป็น “ลูกปอบ” ไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนและครูรังเกียจ จนสุดท้ายก็ต้องออกจากหมู่บ้านไปซ่อนตัวที่อื่น
คดีตัวอย่างการกล่าวหาว่าคนเป็นปอบที่อำนาจเจริญ นี่ไม่ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลย ญาติพี่น้องฟ้องพิสูจน์ในศาล ในคดีหมิ่นประมาท สุดท้ายชนะคดี
ไลฟ์สดปราบปอบโดยคณะเกจิอาจารย์ดังจากค่ายประทาย โคราช ในพีธีจับปอบ 3 วัน 3 คืนนี่ท่าทางจะหนัก เพราะบรรดาญาติพี่น้องผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบใน 3 หมู่บ้านเขาไม่ยอม และเริ่มทยอยไปแจ้งความเอาผิด
“ปอบ” จะมีจริงหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่มันเป็นความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะคนอีสานจำนวนไม่น้อยที่ฝังใจเรื่องปอบต่อ ๆ กันมาจนมันเหมือนฝังในDNA ที่ร้ายกว่านั้นยังมีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มหากินกับความเชื่อของคน เข้าตำรา “หมอรวยเพราะเชื้อโรค”
การจะกล่าวหาใครว่าเป็นปอบ ต้องให้การเคารพสิทธิของคนที่ถูกกล่าวหา เพราะมันเป็นเรื่องร้ายแรง แม้วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ศาลได้พิสูจน์คดีลักษณะนี้เป็นฎีกาตัวอย่างไว้แล้วครับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: