หวยรัฐขายเกินราคา ทุกยุค ทุกสมัยก็วนเวียนอยู่กับสูตรเดิม ๆ พิมพ์หวยเพิ่ม ล่าสุดเพิ่มโทษเอาผิดคนขายถึงขั้นเข้าคุก แต่เชื่อเถอะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกจุดแต่ประการใด
พิมพ์หวยเพิ่มแก้ปัญหาหวยแพง คิดง่าย ๆ คือแก้ปัญหาการแย่งซื้อเพื่อไม่ให้คนขายโก่งราคา แต่ยิ่งพิมพ์เพิ่ม การขายเกินราคาก็ยังแก้ไม่ตก เพิ่มแล้วเพิ่มอีกก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่แน่ ๆ คือยิ่งเพิ่มมากเท่าไหร่ผลประโยชน์อภิมหาศาลก็ตกกับเจ้าของสินค้าคือกองสลากที่นำไปจัดสรรปันส่วนกำไร
จาก งวดละ 37 ล้านใบ มาเพิ่มเป็น 64 ล้านใบ และขยับเป็น 68 ล้านใบ ธ.ค.2554 เหตุผลตอนนั้นก็อ้าง “แก้ปัญหาหวยแพง” สุดท้ายราคาขายปลีกหวยก็ยังแพงเสมอต้นเสมอปลายความคิดของนักเศรษฐศาสตร์โดยหวังจะแก้ปัญหาอุปสงค์ อุปทาน กลับไม่ได้ผลตามเป้า แต่สิ่งที่ได้เกินเป้าก็คือกำไรที่เพิ่มขึ้นของกองสลากฯเจ้าของสินค้า และยี่ปั๊วะ ซาปั๊วะที่รับกันอู้ฟู่
พิมพ์หวยเพิ่มอัดเข้าตลาดอ้างแก้ปัญหาหวยแพงทำมาต่อเนื่อง ลอตใหญ่ๆ ก็ขยับพรวด งวด 1 ส.ค.2561 เพิ่มจาก 80 ล้านใบ เป็น 87 ล้านใบ และขยับเป็น 90 ล้านใบ แถมยังออกสลากชุดขายเอง แต่ราคาหวยตามท้องตลาดก็ยังแพง หรือขายเกินราคาใบละ 80 บาท
เพิ่มจำนวนสลากยิ่งเพิ่มยิ่งได้กำไร ขณะที่คนทั่วไปก็บ่น “หวยแพง” แต่ก็บ่นไป ซื้อไป สุดท้ายก็ “ เพิ่มโทษ”คนขายสลากเกินราคา
กฎหมายใหม่เพิ่มโทษคนขายสลากเกินราคา โทษปรับไม่เกิน 10,000บาท จำคุก ไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ดูแล้วก็ถือว่าหนักพอสมควร แต่ความจริงมันเป็นเรื่องเก่า เพราะการกำหนดโทษในอัตรานี้ทำมา 4 ปีแล้ว
คสช.ใช้ม.44 ออกคำสั่งที่ 11/2558 ลงวันที่ 1 พ.ค.2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้ยกเลิกความในมาตรา 39 พ.ร.บ.สลากกินแบ่งฯ ที่กำหนดโทษการขายสลากเกินราคามีโทษปรับสถานเดียว 2,000 บาท เป็น มีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำสั่ง คสช.เป็นกฎหมาย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค.2558 ผ่านไป 4 ปี ถึงมาแก้พ.ร.บ.สลากกินแบ่งฯ ให้ตรงกับคำสั่ง คสช.ท่ามกลางสถานการณ์ที่การขายหวยเกินราคา 80 บาท ยังมีเกลื่อนกราด
คุยกับ “อดุลยวิชญเดช ปิยะบุตร” ที่ปรึกษาสมาคมผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.เลย ก็บอกชัดว่า ทั้งการพิมพ์สลากเพิ่มหรือการเพิ่มโทษคนขายมันแก้ปัญหาไม่ถูกจุดเพราะตราบใดที่ไม่ใช้หลักการ “ผู้ขายได้ผลประโยชน์ ผู้ซื้อได้รับการคุ้มครอง”เพราะมี “เสือนอนกิน”ที่อยู่ใกล้ผู้มีอำนาจที่ได้รับผลประโยชน์กันเป็นทอด ๆ แล้วผลักภาระมาให้ผู้ขายรายย่อยที่ต้นทุนสูงกว่าราคาขาย การขายสลากเกินราคาก็แก้ไม่ได้
คนเมืองเลย ถือเป็นชุมชนที่ประกอบอาชีพค้าสลากเร่มากที่สุดของประเทศ โดยเฉพาะ อ.วังสะพุง ประเมินว่ามีผู้ค้าสลากกระจายในทั่วประเทศกว่า 4 หมื่นคน สาเหตุที่ต้องมาเร่ขายสลากเพราะเมืองเลยเป็นภูเขา 70 % พื้นราบ 30 และทำมาร่วม 30 ปี จากรุ่นสู่รุ่นจนชำนาญและผูกพันจนบางคนทิ้งไร่ทิ้งนายึดเป็นอาชีพหลักเร่ขายสลาก
อดุลยวิชญเดช บอกว่า จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้าสลากฯเมืองเลยที่ถูกบรรดายี่ปั๊วะ ซาปั๊วะ ไม่รู้กี่ทอดโก่งราคาขายสลากให้คนขายสลากเร่ ราคาเฉลี่ยที่ใบละ 90 บาท รัฐบาลก็ช่วยลดกระแสด้วยการให้โควต้าคนขายสลากเร่เมืองเลย 10,000 คน ๆ ละ 5 เล่ม (เล่มละ 100 ใบ)
ราคาต้นทุนสลากโควต้า ใบละ 7.40 บาท ขาย 80 บาท ได้กำไรใบละ 9.60 บาท ขายหมด 5 เล่ม ได้กำไร 4,800 บาท ต่องวด แต่คนขายมีต้นทุน ค่ารถไป-กลับ งวดละ 1,000 บาท ค่าที่พักบ้านเช่ารวมที่นอนกันแบบ “ลูกแคน”(นอนเรียงกันแบบไม่มีช่องว่าง) ตกงวดละ 300-400 บาท ค่าเดินทางขาย ค่ากินงวดละ 8-9 วัน แบบประหยัดสุด ๆ ประมาณ 2,000 บาท
ต้นทุนการเร่ขายสลากก็ปาเข้าเกือบ 4,000 บาท ต่องวด แต่กำไรเบ็ดเสร็จถ้าขายตามโควตา ราคาใบละ 80 บาท จะได้ 4,800 เหลือไม่กี่บาทต่องวด ทำให้คนที่ได้โควต้าก็ยังต้องไปซื้อสลากจากเอเย่นต์ตั้งแต่ ใบละ 90-95 บาท มาขายคนละ 3-4 เล่ม เพื่อทำกำไร และต้องขายเกินใบละ 80 บาท
อดุลยวิชญเดช บอกว่าถ้าจับจริงจังน่าห่วงคือคนเมืองเลย 10,000 คน ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้าสลาก และมีสลากนอกที่หวังจะขายเพิ่มทำกำไร แล้วถูกจับที่จะไม่ได้รับการบรรเทาโทษเพราะถือเป็นผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียน
เข้าใจว่าการหากเข้มงวดให้ตำรวจ “จับ ปรับ ดะ “คนขายหวยเร่เกินราคานี่คงสร้างความอิหลักอิเหลื่อ กับตำรวจพอสมควร เพราะตำรวจก็มีความเป็นมนุษย์ รู้ว่าคนเร่ขายรับต้นทุนมาแพงกว่าราคาขาย
ที่มากกว่านั้น 40,000 คน ผู้ค้าสลากเร่เมืองเลยถือเป็น “เซลแมนของรัฐ” ที่ผ่านมาดูจากมาตรการต่าง ๆ ก็ล้วนแต่มุ่งหาเงินเข้ารัฐ ทั้งเพิ่มยอดพิมพ์ ทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อปัญหาสังคม ปลูกฝังค่านิยมการเล่นการพนันเป็นเรื่องปกติ เมื่อเขาทำเป็นอาชีพแล้วทำไมไม่จัดการเขามีสลากราคาทุนขายเป็นเรื่องเป็นราว
แก้หวยแพงถ้ามีอำนาจจริง ไม่วอกแวกกับผลประโยชน์ง่ายนิดเดียว แก้ตรง “5 เสือกองสลาก” ที่ตอน คสช.เข้ามาใหม่ ๆ และเข้าไปจัดการกองสลากฯที่เป็นถุงเงินถุงทอง เงื้อง่าจะเชคบิลเจ้าของโควต้ารายใหญ่ จนมีพาดหัวข่าว “เชคบิล 5 เสือกองสลาก ปิดตำนานหวยแพง”
ข่าวนั่นถูกตีปี๊ปผ่านมาหลายปีแล้ว หวยรัฐยังแพง สุดท้ายก็วนมาลงที่ปลาซิวปลาสร้อย.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: