น้ำตาที่หลั่งหลัง “งดออกเสียง” ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย มันคือการระบายตะกอนที่ค้างในใจ ในสิ่งที่เขาไม่มีทางเลือก
เงื่อนไขทางการเมืองในศรีสะเกษ ที่ถือเป็นเมืองเสื้อแดง เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ส.ส.สิริพงศ์ หรือโต้ง จำต้องแหกมติพรรค ที่คนในพรรคหลายคนน่าจะล่วงรู้มาก่อนด้วยซ้ำ
เป็นการตัดสินใจที่ผ่านการชั่ง “ได้” หรือ”เสีย” ล่วงหน้าที่หลายคนน่าจะรู้คำตอบเพราะ ส.ส.โต้ง เปิดเผยท่าทีว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ มาตลอด
แรงบีบคั้นจากมวลชน ฐานเสียงที่เลือกเขาเป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่เข้าสภาได้ 2 ที่นั่งจาก 8 ที่นั่ง โดยที่เหลือพรรคเพื่อไทยกวาดหมด ที่สำคัญคือเขต 1 ที่เขาชนะเลือกตั้งเป็นการโค่นแชมป์เก่า นายธเนศ เครือรัตน์ พรรคเพื่อไทย ที่ครองพื้นที่ต่อเนื่อง ยาวนาน ตั้งแต่การเลือกตั้ง 2544 ในนามพรรคไทยรักไทย
สิริพงศ์ ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก ปี 2548 ในนามพรรคชาติไทย แต่แจ้งเกิดไม่สำเร็จ ที่ขณะนั้นศรีสะเกษ มีส.ส.9 คน ไทยรักไทย กวาดไป 8 ที่นั่ง ชาติไทยเข้ามาได้เพียงคนเดียว พยายามอีกรอบปี 2550 ชนะเป็นส.ส.ครั้งแรก แต่พรรคชาติไทยถูกยุบ และในฐานะกรรมการบริหารพรรค สิริพงศ์ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี
เลือกตั้งซ่อม ม.ค.2552 นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ แม่ของสิริพงศ์ ลงสมัครส.ส.ในนามพรรคพรรคชาติไทยพัฒนา แต่ก็แพ้ผู้สมัครม้ามืด “สุตา พรหมดวง”จากพรรคประชาราช ที่นำโดยเสนาะ เทียนทอง ที่มีนโยบายชัดๆ “นำทักษิณกลับบ้าน”
เลือกตั้ง ก.ค.2554 ที่สิริพงศ์ อยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิ์ จึงให้นายมานะพันธ์ อังคสกุลเกียรติ รองนายกอบจ.ศรีสะเกษ ผู้เป็นอา ลงสมัครส.ส.ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา แต่ก็แพ้ “ธเนศ เครือรัตน์”ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยแบบหลุดลุ่ย
โดยส่วนตัวของสิริพงศ์ เป็นนักการเมืองหนุ่มที่ทำอะไรจริงจัง เป็นกันเองทำให้ชาวบ้านนิยมชมชอบเมื่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ความพยายามที่จะทวงเก้าอี้คืนส่งทั้งแม่ และอา ลงสมัครก็ล้มเหลว
“เพราะไม่ใช่สิริพงศ์ลงสมัคร” นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านพูด
และการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ที่สิริพงศ์ ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ที่อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคประกาศชัดว่า “ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี” โดยที่สิริพงศ์ เป็นคนอัธยาศัยดี เข้าคนง่าย ด้วยเงื่อนไขนี้ของภูมิใจไทยเขาจึงสามารถดึงมวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่มาสนับสนุนเขาจนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เขาชนะเหนือธเนศ เครือรัตน์ จากพรรคเพื่อไทยที่ครองพื้นที่เขต 1 มา 4 สมัย
เมื่อเงื่อนไขเปลี่ยน ภูมิใจไทยมีท่าทีสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เขาถูกกดดันในพื้นที่อย่างหนัก
กลุ่มผู้สนับสนุนที่เป็น นปช.สายนักวิชาการตามสถานศึกษาต่าง ๆ ในเขตเทศบาล กลุ่มทนายความ กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าในตลาดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ รวมทั้งกลุ่ม นปช.พื้นที่อ.วังหิน พยายามกดดันให้สิริพงศ์ กลับข้างไปอีกฟากที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ
ก่อนทะลุกลางปล้อง “งดออกเสียง” สิริพงศ์ฯ ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟชบุ้ค สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นจากแรงบีบคั้นที่เกิดขึ้นในพื้นที่
โค่นอดีตส.ส.เพื่อไทย โดยดึงฐานเสียงจากเครือข่าย นปช.ที่ไม่เอาประยุทธ์ วันหนึ่งมวลชนทวงถามถึงจุดยืน นักการเมืองอย่างสิริพงศ์ ที่ถือเป็นคนเลือดใหม่ย่อมทุกข์ร้อนกับการสบตาชาวบ้าน หากเขาทำตามมติพรรคโดยการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์
และอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่ ประสบการณ์ในความพ่ายแพ้ 3 รอบกับมวลชนอันแข็งแกร่งของพรรคตระกูลเพื่อที่ยากจะฝ่าด่านเขาย่อมซาบซึ้งเป็นอย่างดี
แต่ที่มากกว่าตัวเขาคือ “พ่อ” นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ หลายสมัยที่ในเวลาอันใกล้นี้จะต้องลงสมัครนายกเทศมนตรีอีกรอบ
หากลูกชายไม่ทำตามที่รับปากชาวบ้านที่ผละจากเพื่อไทยมาสนับสนุนจนชนะเลือกตั้ง และเมื่อพ่อลงสมัครนายกเทศมนตรีที่ อาจจะต้องเจอกับ “ธเนศ เครือรัตน์”อดีตส.ส.ที่เพิ่งสอบตกไปหมาด ๆ และมีฐานเสียงหนาแน่นในเขตเมือง หรือนักการเมืองในซีกเพื่อไทยลงสมัครนายกเทศมนตรี นั่นจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับฉัฐมงคล
หากเงื่อนไขที่สิริพงศ์สร้างไว้ โดยการโหวตสนับสนุนพล. อ.ประยุทธ์ แน่นอนว่าย่อมเป็นเป้าให้ผู้เป็นพ่อโดนถล่มอย่างแน่นอน และอาจลามเป็นซวย 2 ต่อ ทั้งพ่อและตัวเขาในอนาคตด้วย
เพื่อรักษาคำพูดกับชาวบ้าน และเพื่อพ่อไม่ต้องลำบาก ส.ส.โต้ง จึงเลือกหลั่งน้ำตา “งดออกเสียง”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: