โกงสนามฟุตซอลภายใต้การบงการของ”นักการเมือง”ที่ข้าราชการประจำพลอยโดนร่างแหเพราะควาามมั่นใจว่า “อิทธิพลของนาย”จะคุ้มกันได้ แต่เมื่อป.ป.ช.ฟันธงด้วยการแจงรายละเอียดยิบทำเอาทั้งวงการการเมือง ข้าราชการ และผู้รับเหมาสั่นสะเทือนไปทั่ว
หลังป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลอันฉาวโฉ่ที่นำร่องในพื้นที่โคเขตพื้นที่การศึกษาที่ 2 โคราช นับเป็นนัยสำคัญที่ทำให้เห็นทิศทางของคดีที่น่าจะ “ไม่ธรรมดา”
ที่ไม่ธรรมดา เพราะ ป.ป.ช.เลือกหยิบพื้นที่ “กล่องดวงใจ”ของพลังประชารัฐ ที่มี “วิรัช รัตนเศรษฐ์” แม่ทัพภาคอีสานแกนนำพลังประชารัฐ ที่มีบารมีและอำนาจต่อรองในพรรคไม่น้อย ที่ตอนนี้เบื้องต้นเขามีส.ส.สายตรง ไม่ต่ำกว่า 7 คน ที่เป็นคนในครอบครัวถึง 5 คน แถมมีลูกชายเป็นรัฐมนตรีช่วยอีก 1
จึงทำให้มองเห็นชอตต่อไปว่า เมื่อป.ป.ช.เล่นของแข็งแบบนี้ ใครจะเป็นรายต่อไป?
การคดีทุจริตสนามฟุตซอลที่มีมีส.ส.ในครอบครัวนายวิรัช โดนเต็ม ๆ 3 คน ที่เข้าข่ายเป็น”ผู้บงการร่วม” สังเกตว่าปฏิกิริยาจากฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านดูเงียบกริบ เพราะงานนี้รู้ ๆ กันให้แซ่ดทั้งวงการว่าก็ทำกันแทบทั้งนั้น ลุ้นแค่ว่าใครจะเป็นคิวต่อไป
เป็นการทุจริตเชิงนโยบายในการหากินกับงบประมาณของรัฐที่ชัดเจน แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนห้ามไว้แต่เมื่อคนมันจะโกงก็ย่อมหาวิธีการโกงกันจนได้ แบบเนียน ไร้ร่องรอย นอกจากฝ่ายตรวจสอบจะเอาจริงเอาจังขุดคุ้ยเชื่อมโยงถึงได้เห็นเส้นทางการจัดการถลุงงบฯอย่างเป็นขบวนการ
ที่โคราชมี 7เขตการศึกษา มี 6 เขตการศึกษาที่รับงบประมาณสร้างสนามฟุตซอล 50 โรง และบังเอิญเป็นความโชคดีของผอ.เขตการศึกษา 1 แห่งที่นักการเมืองไม่ปลื้มเลยอดได้รับงบฯ ตัวนี้ จึงรอดตัวแบบปาฏิหาริย์
ถอดรหัสเครือข่ายการทุจริตสนามฟุตซอลที่มีการทำงานแบบสอดประสาน แบ่งงานกันทำ แยกเป็น ชั้นที่ 1 “ต้นน้ำ”ที่มีนักการเมืองนั่งบงการ หาผู้ผลิตสินค้าในเครือข่าย แปรญัติงบประมาณ ปี 2555 หาลูกค้าที่ต้องการโดยมี “สพฐ”ทำหน้าที่คล้ายเซลแมน มีผู้ประสานงานผ่านผอ.เขต และนักการเมืองท้องถิ่นช่วยหาลูกค้า ใครต้องการให้ทำโครงการ (ตามที่กำหนด) ให้ขอมาโดยด่วน
ผ่านขั้นที่ 1 ก็เข้าสู้ขั้น 2 “กลางน้ำ” พอได้ลูกค้าที่เป็นผอ.โรงเรียนจากเซลแมนระดับผอ.เขต คนของนักการเมือง ก็จะไปหาผู้ผลิตสินค้าโดยระบบ อีอ๊อคชั่น ที่มีราคาต่างกันระดับพันบาท(ฮั้ว)บรรดาครูในโรงเรียนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ถูกตั้งมาเป็นกรรมการชุดต่างๆ โดยมติของกรรมการสถานศึกษาซึ่งก็หนีไม่พ้นเครือข่ายหัวคะแนนของนักการเมืองในพื้นที่
เมื่อมาถึงขั้น “ปลายน้ำ” เมื่อผู้รับเหมารับเงินไปแล้ว สนามพังเพราะวัสดุไม่ตรงสเปคใช้งานไม่ได้ แถมราคาแพงกว่าท้องตลาด ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กล่าวโทษ เพราะเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีการแบ่งงานกันทำอย่างเป็นขบวนการ
นำร่องฟันที่เขตการศึกษาที่ 2 โคราช จำนวน 6 โรงสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ว เฉพาะโคราชมีโรงเรียนที่ถูกสอบและป.ป.ช.ยังไม่ประกาศอีก 44 โรง และมีทั่วประเทศอีก 17 จังหวัด ที่ใช้วิธีการเดียวกัน
จะมีส.ส.ทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้านอีกกี่สิบคนที่จะโดนเหมือนที่ป.ป.ช.ประกาศลอตแรกในฐานะ “ผู้บงการร่วม”ทุจริตสนามฟุตซอล ?
นักการเมืองมีอำนาจอยู่ในมือ อย่างน้อยก็ซื้อเวลาไปได้เรื่อย กว่าจะถึงขั้นอัยการ ส่งฟ้องศาลคงได้เห็นการดิ้นพล่านในหลายกระบวนท่า
แต่ที่น่าสงสารเป็นเป็นข้าราชการ ระดับผอ.เขต ผอ.โรงเรียน และครูที่มาร่วมเป็นกรรมการที่เข้าข่ายต้อง “ขึ้นเขียง”เพราะถูกผูกมัดด้วย “เอกสาร” ตามที่ “นาย”จัดแจงมาให้เซนต์ แลบะกลายเป็นผู้เสนอขอ จัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ว่ากันแค่เอกสารก็ผิดเต็ม ๆ
คนกลุ่มนี้มี กว่า 800 คน ที่กินไม่ได้ นอนไม่หลับมาตั้งแต่ปี 2557 อย่างกรณีอดีตผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ชัยภูมิ ที่มีโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลและถูกสอบ แม้เกษียณไปแล้ว 4 ปี สภาพจิตใจย่ำแย่ กินไม่ได้ นอนไม่หลับมาตลอดเพราะรอว่าวันหนึ่งคงต้องโดนจนได้
ที่มากกว่านั้นผู้บริหารหลายคนที่เอาคอขึ้นเขียงเพราะมั่นใจในตัวนาย เครียดถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย
ส่วนบรรดาข้าราชการการครูที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาทำหน้าที่เป็นกรรมการฯ ต่างก็เครียดกันถ้วนหน้า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีใครอยากทำหน้าที่เป็นกรรมการจัดซื้อ จัดจ้างในโรงเรียน จนส่งผลกระทบกับการใช้จ่ายงบประมาณและการพัฒนาโรงเรียน
ข้อหากระทำผิดวินัยร้ายแรงสำหรับข้าราชการ นั่นหมายถึงหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง บำเหน็จ บำนาญเกลี้ยง แถมยังอาจต้องเข้าคุกตอนแก่ และยังถูกสังคมประณาม จากเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ หลักหมื่นจากการรับหน้าเสื่อสร้างสนามฟุตซอล
ตัวบงการ คือนักการเมืองที่ผ่านระบบเลือกตั้ง กลายเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือข้าราชการ เป็นผลพวงทำให้เกิดการโกงเชิงนโยบาย
ถ้าคดีนี้ “ผู้บงการ” รอด คนซวยเป็น “ข้าราชการ” มันก็แค่การทำสำนวนแบบเดิม ๆ ที่ยิ่งเพิ่มอิทธิพลให้กับนักการเมืองโกงกิน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: