X

แควนตัส จ่อยกเลิกเที่ยวบินต่างประเทศเกือบทั้งหมดยาวถึงปีหน้า

แควนตัส สายการบินสัญชาติออสเตรเลีย ประกาศเตรียมยกเลิกการให้บริการเที่ยวบินในเส้นทางต่างประเทศเกือบทุกเที่ยวบินยาวถึงเดือนมีนาคมปี 2021 เหตุวิกฤต COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย ฉุดความต้องการบินลดฮวบ

สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงาน หลังทางสายการบินแควนตัส เริ่มโยกย้ายยรายการเกือบทั้งหมดของเที่ยวบินต่างประเทศจากเที่ยวบินที่มีให้บริการ ส่งผลให้เส้นทางบินต่างประเทศของทางสายการบินที่ก่อนหน้านี้ มีคำสั่งระงับชั่วคราว กลายเป็นการยกเลิกอย่างถาวรจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า

สายการบินแควนตัสระบุว่า ทางสายการบินจะยังคงให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศไว้ และมีเส้นทางบินต่างประเทศบางเส้นทางไปยังนิวซีแลนด์เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม อลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของาสายการบิน แควนตัส แอร์เวย์ส ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นระบุว่า ทางการสายการบินจะระงับการให้บริการเส้นทางบินต่างประเทศไปจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ก่อนจะออกมาแสดงความเห็นอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ยังคงมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่ทางสายการบินจะสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติเต็มรูปแบบจนกว่าเดือนมิถุนายนปีหน้า

“เราจำเป็นต้องวางตำแหน่งของเราใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้าว่าไม่อาจเป็นสายการบินขนาดใหญ่ได้อีกต่อไปเมื่อรายได้หดตัวลง” อลัน จอยซ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ช่วงเดือนที่แล้ว ทางสายการบินได้ประกาศปลดการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 747 จำนวน 6 ลำ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่วางไว้ถึง 6 เดือน พร้อมลดจำนวนพนักงานลง 20% รวมถึง สั่งจอดเครื่องบินแอร์บัส A380 ซึ่งใช้สำหรับเส้นทางบินระยะไกล ตลอด 3 ปีนับจากนี้

ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นในตลาดของสายการบินแควนตัสปรับตัวลดลงมากกว่า 50% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยราคาซื้อขายในวันนี้ (15 ก.ค.) ลดลงจากเมื่อวันก่อนหน้า 0.57% มาอยู่ที่ 3.49 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหุ้น

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไอเอทีเอ) เปิดเผยว่า ธุรกิจสายการบินนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากไม่มีสายการบินไหนเลยที่เตรียมตัวรับมือกับหายนะจากการระบาด รวมถึง ความพร้อมจากการเผชิญหน้ากับมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ ไอเอทีเอ คาดการณ์ว่า ธุรกิจสายการบินจะเดินหน้าขาดทุนต่อเนื่องอีก 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.65 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ และอีก 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.73 แสนล้านบาท) ในปีหน้า

ที่มา CNBC

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน