ผู้นำ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงร่วมกันตั้งกองทุนมูลค่า 750,000 ล้านยูโร หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคจากวิกฤตโควิด-19
ถือเป็นการประชุมที่ยาวนาวที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อบรรดาผู้นำ 27 ชาติสมาชิกอียู ปิดห้องถกเครียดที่กรุงบรัสเซลส์ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูเยียวยาวิกฤตจากโควิด-19 ฉบับใหม่ ก่อนที่ทั้งหมดจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จในวันนี้ (21 ก.ค.)
แถลงการณ์ระบุว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) จะเป็นผู้รับหน้าที่ในการระดมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนมูลค่า 750,000 ล้านยูโร (ราว 27,229,791 ล้านบาท) เพื่อใช้เป็นทุนสนับสนุนชาติสมาชิกและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยเป็นทั้งการให้เปล่าและการให้กู้ยืม
ชาร์ลส ไมเคิล ประธานสภายุโรป กล่าวว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของอียู ที่สะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของความร่วมมือกันในการก้าวผ่านวิกฤต
ทั้งนี้ บรรดาผู้นำชาติสมาชิกอียู ต่างร่วมหารือกันตั้งแต่เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน และการกำหนดงบประมาณชุดใหม่ของทางอียู โดยมีข้อถกเถียงมากมาย ทั้งเรื่องปริมาณทุนให้เปล่ากับทุนให้กู้ยืม การกำกับดูแลบริหารงบประมาณเพื่อการลงทุน และการกำหนดขอบเขตอำนาจการปกครองของชาติสมาชิกและของทางอียูเอง
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ที่ประชุมได้ตกลงจัดสรรให้กองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นทุนให้เปล่าที่ 390,000 ล้านยูโร ซึ่งลดลงจากจำนวนที่ทางฝรั่งเศสและเยอรมนีเสนอไว้ก่อนหน้าเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ 500,000 ล้านยูโร รวมถึงเห็นชอบกำหนดวาระชำระหนนี้ไว้ในปี 2058
ขณะเดียวกัน ชาติสมาชิกทั้งหมดที่ยื่นเรื่องขอกู้เงินจะตั้งร่างแผนพัฒนา ปฎิรูป และฟื้นฟู ที่จะแจกแจงการนำเงินกองทุนดังกล่าวไปใช้ เพื่อให้ชาติสมาชิกอื่นๆ ของอียูพิจารณาอนุมัติเห็นชอบร่วมกันต่อไป
กองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ตัวนี้ จะพร้อมใช้งานในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งในระหว่างนี้ ทางอียูจะยังไม่มีแผนการเงินใหม่ๆ ออกมาอีก
ที่มา CNBC
