สุดยอด ครู นักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคตรัง นำน้ำยางมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยงานจราจร ทั้งแผงกั้นถนนทางโค้ง แท่งแบริเออร์ ใช้งานได้จริง แข็งแรง ทนทาน แถมถูกกว่าวัสดุอื่น
สุดยอด วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ครู นักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคตรัง แผนกวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ ร่วมกันนำยางพารามาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีราคาตกต่ำอย่างมาก จึงได้คิดค้นออกแบบ ทดลองนำน้ำยางมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอาทิ กระถางเพาะกล้า พื้นยางสนามฟุตซอล แผ่นยางปูพื้น ยางปูบ่อปลา เต้านมเทียมจากยางพารา
ล่าสุดได้มีการคิดค้นสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยด้านจราจร ซึ่งในอดีตจะนิยมใช้วัสดุคอนกรีต เพราะมีความคงทนแข็งแรงสูง แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่ขับขี่รถไปเฉี่ยวชน หรือมีการใช้วัสดุพลาสติก แต่กำลังทำให้เกิดปัญหาย่อยสลายยาก เป็นมลพิษต่อสภาพแวดล้อม
จึงเป็นที่มาของการนำวัสดุจากยางมาใช้ทดแทน เพราะเมื่อถูกกระแทกจะไม่แตกเสียหาย และคืนกลับสู่สภาพเดิมได้โดยเร็ว จึงสามารถใช้งานยาวนาน แถมยังช่วยลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่ หรือตัวรถได้อีกด้วย
สำหรับนวัตกรรมจากยางพาราล่าสุดที่ครู นักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคตรัง คิดค้นเป็นผลสำเร็จคือ แท่งแบริเออร์จากยาง ซึ่งมีการพัฒนาประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ด้วยการเสริมสารแคลเซียมคาร์บอเนต และแผงกั้นถนนทางโค้งจากยาง ที่ได้มีการเสริมสารซิลิกาเข้าไป
ข่าวน่าสนใจ:
ผลิตจากน้ำยางข้นชนิดครีม ที่ผ่านกระบวนการวิจัย ศึกษาสูตร วิเคราะห์ พร้อมทั้งออกแบบ จากคณะครูแผนกวิชาเทคโนโลยียางและพอลิมอร์ ซึ่งได้รับงบประมาณปี 2562 จากทางจังหวัดตรัง 6.5 ล้านบาท มาทำการสนับสนุน เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยางสู่ชุมชน
นางสาวอทิตยา บุญญา นักศึกษาชั้น ปวส.2 สาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ กล่าวถึงขั้นตอนการทำผลิตภัณฑ์แท่งแบริเออร์ และแผงกั้นถนนทางโค้งจากยาง ว่า เริ่มจากการชั่งน้ำยาง และสารเคมีตามสูตรที่กำหนด แล้วนำมาผสมกัน ก่อนฉีดน้ำยางเข้าแม่พิมพ์ด้วยเครื่อง
แล้ววัลคาไนซ์ชิ้นงาน (ขึ้นรูปชิ้นงาน) ในตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 100 องศา เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นถอดขึ้นงานออกจากแม่พิมพ์ เพื่อล้างทำความสะอาด แล้วตกแต่งให้สวยงามด้วยการทาสีน้ำมัน และประกอบชิ้นงานตามรูปแบบที่ต้องการ
แท่งแบริเออร์จากยาง จะมีขนาด 50X100X81 เซนติเมตร มีต้นทุนการผลิต 2,200 บาท/ชิ้น และมีน้ำหนัก 80 กก./ชิ้น ส่วนแผงกั้นถนนทางโค้ง มีขนาด 80X200 เซนติเมตร มีต้นทุนการผลิต 3,000 บาท/ขึ้น และมีน้ำหนัก 30 กก./ชิ้น ซึ่งผลการทดสอบพบว่า มีความยืดหยุ่นดี แต่แข็งแรงสูง ทนต่อการกระแทก และทำให้รถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมได้
โดยไม่กระเด้งกลับ หรือชนทะลุข้ามด้านหลัง ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินการขอมาตรฐาน มอก. ต่อไปสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามที่ นายสุรศักดิ์ เทพทอง หัวหน้าแผนกวิชาเทคโนโลยียางและพอลิมอร์ โทร.(083) 539-5456 หรืออีเมล์ [email protected]
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: