ตรัง แม่น้องเพลงคดีสะเทือนขวัญเมื่อปี57 เห็นด้วยโทษประหาร ครอบครัวของหนูน้อยวัย 11 ปีชาวตรัง ที่ถูกละล่วงทางเพศจนเสียชีวิตเมื่อปี 57 ยังเห็นด้วยต่อโทษประหาร เพราะเทียบไม่ได้กับความสูญเสีย ขณะที่ ตำรวจขอตรวจสอบพยานตามที่เป็นข่าวให้ชัดเจน
กรณีกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาล ด้วยการประหารชีวิต นักโทษเด็ดขาด จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยขณะนี้ นางพนมวรรณ รำนา อายุ 41 ปี หนึ่งในครอบครัวผู้ที่เคยสูญเสีย ซึ่งเป็นมารดาของ ด.ญ.เกตุมาตุ หรือ น้องเพลง วัย 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่ถูกคนร้ายฆ่ายัดลงในท่อน้ำทางเข้าวัดพระงาม ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง เพื่ออำพรางคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 โดยกล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต นายปฐมพงษ์ หรือแต้ม หมื่นบาน อายุ 36 ปี (ในขณะนั้น) จำเลย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน และญาติห่างๆ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ
อย่างไรก็ตาม ที่ศาลชั้นต้นพิจารณามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วยทั้งหมด จึงพิจารณาแก้โทษจำเลย จากกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมพิจารณาให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนความผิดฐานซ่อนเร้นทำลายศพ ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี ซึ่งเมื่อรวมความผิด 2 กระทง ศาลอุทธรณ์ จึงได้พิจารณาให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวผู้ตายจำนวน 840,000 บาท และขณะนี้คดีกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา
นางพนมวรรณ กล่าวว่า คดีของบุตรสาวนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ใครไม่เจอกับตัวคงยากที่จะเข้าใจ ตนเองจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งสำหรับโทษประหารสำหรับผู้กระทำผิด เพราะถ้าปล่อยออกมาแล้วมีการกระทำผิดซ้ำๆ และตนเองเชื่อว่าไม่มีทางที่จะกลับตัวให้ดีขึ้น เพราะการกล้าทำผิดฆ่าผู้อื่น ถ้าคนจิตใจไม่โหดเหี้ยมพอจะทำไม่ได้ แต่ต้องมีการสะสมพฤติกรรมไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก มาจากครอบครัว จากความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เคยมีการบอกตักเตือนว่าเป็นเรื่องที่ผิด ซึ่งเป็นลักษณะพ่อแม่รังแกฉัน แม้ลูกผิดแต่ยังบอกว่าลูกไม่ผิด ด้วยความรักลูกกลับบอกว่าไม่เป็นไร แค่ผิดไม่มาก เด็กก็จะคิดว่าทำดีแล้ว จนกล้าทำในสิ่งที่ร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และถึงขั้นฆ่าผู้อื่น
ดังนั้น ตนเองในฐานะของครอบครัวผู้สูญเสียกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ก็อยากจะบอกว่า ตลอดระยะกว่าเวลา 4 ปี ต้องอยู่ท่ามกลางความทุกข์ทรมาน จนยากที่จะอธิบาย ส่วนเรื่องของคดีก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ไม่คาดหวังอะไร เพราะถ้าไม่คาดหวังก็คงไม่ผิดหวัง และปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมของแต่ละคน ตอนนี้ก็ต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ส่วนผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการยกเลิกโทษประหารนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และออกมาเรียกร้องเพื่ออะไร แต่เรื่องแบบนี้เหมือนถ้าจะอธิบาย ก็เปรียบเหมือนคนอกหัก จะให้ไปปลอบคนอื่น ก็คงลำบากถ้าไม่เจอกับตัวเอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: