รปภ.ห้างดังเมืองตรังฉุนเพื่อนร่วมงานชักมีดแทงสาหัส หลังตะลุมบอนแลกหมัดกัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะจ้วงแทงเพื่อนร่วมงาน บาดเจ็บสาหัสจมกองเลือด เหตุหมางใจเพราะเคยไปเตือนเรื่องงาน ส่วนมือมีดรอมอบตัวแต่โดยดี
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2561 สภ.เมืองตรัง รับแจ้งจากวิทยุสื่อสารศูนย์นเรนทรตรัง ว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายแทงกันได้รับบาดเจ็บ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองตรัง ตั้งอยู่ถนนเจิมปัญญา ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง จึงแจ้งให้ พ.ต.ต.ปัญญา ไล่คง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองตรัง พร้อมชุดสืบสวน หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์ตรัง รุดไปยังที่เกิดเหตุ นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์ตรัง เพื่อช่วยเหลือชีวิตอย่างเร่งด่วน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไปตรวจสอบคนเจ็บ ทราบชื่อคือ นายศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิมา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 9 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ถูกแทงเข้าที่ชายโครงซ้าย 1 แผล สีข้าง 1 แผล ส่วนจุดที่เกิดเหตุมีรอยกองเลือดขนาดใหญ่ 1 กอง และมี นายวิชาญ วรศิลป์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 1 ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็น รปภ.ของห้างดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ยืนรอบมอบตัวอยู่ในสภาพที่มีรอยคราบเลือดติดอยู่ตามเสื้อผ้าชุดที่สวมใส่จนเปรอะไปทั่ว
นายวิชาญ มือมีดผู้ก่อเหตุ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็ไม่เคยมีปัญหา หรือขัดแย้งอะไรกับ นายศักดิ์สิทธิ์ ผู้บาดเจ็บ ในฐานะ รปภ.รุ่นน้องร่วมงาน แต่อาจจะเคยเตือน หรือตำหนิเรื่องงานไปบ้างก่อนหน้านี้ จนทำให้เกิดความไม่พอใจและเก็บเอาไว้ กระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายศักดิ์สิทธิ์ ได้เข้ามาถามว่า มีปัญหาอะไรกับตน ก่อนกระชากคอตนเองแล้วชกต่อย จนเกิดการต่อสู้กัน จากนั้นเพื่อนๆ ที่เป็น รปภ. ด้วยกันได้เข้ามาห้ามให้หยุด แต่ตนเองเหลือบไปเห็นว่า นายศักดิ์สิทธิ์ ได้เอาโซ่เข้ามาจะฟาดใส่ตน จึงใช้มีดประจำกายจ้วงแทงป้องกันตัวไป 2-3 ครั้ง ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แค่เป็นการป้องกันตัวเท่านั้น
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้พยายามสอบปากคำ นายศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง แต่เจ้าตัวยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้ ต้องรอให้อาการดีขึ้นเสียก่อน เนื่องจากถูกแทงเข้าที่จุดสำคัญ ขณะที่ นายวิชาญ มือมีดผู้ก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: