ตรัง พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ราคาดีไม่มีตกส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ชาวบ้านลงแขกเก็บพริกไทยของอดีตครูวัยเกษียณผู้ปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ซึ่งเป็นพริกไทยพันธุ์ประจำถิ่น ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มกันปลูกมากขึ้นเนื่องจากได้ราคาดี มีสรรพคุณทางยา รสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เก็บเกี่ยวได้หลายรุ่น
พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน วันนี้ 29 มกราคม 2563 ชาวบ้านหมู่ 6 ตำบลบางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ลงแขกเก็บพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ หรือ 440 ต้น ภายในสวนของนายสุทิน กังแฮ อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครู อยู่เลขที่ 143 หมู่ 6 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน เป็นสายพันธุ์ประจำถิ่น ของชาวอำเภอปะเหลียน ใช้เวลาปลูกไม่เกิน 2 ปี ก็ทยอยออกผลเก็บเกี่ยวได้
โดยนำไปตากแห้งก่อนส่งขายในราคากิโลกรัมละ 400 บาท เมื่อกะเทาะเปลือกให้เป็นพริกไทยขาวจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท ในปีนี้คาดน่าจะมีผลผลิตไม่ต่ำกว่า 500 กิโลกรัม(สด) ทำให้เป็นแรงจูงใจเกษตรกรรายอื่น ๆ ให้หันมารวมกลุ่มปลูกพริกไทยแทนการปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันที่มีราคาตกต่ำ
อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์พริกไทยพันธุ์ปะเหลียนไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากถิ่นกำเนิด โดยพริกไทยสด 4 กิโลกรัมเมื่อตากแห้งจะได้พริกไทยดำ 1 กิโลกรัม เน้นขายส่งแบบตากแห้ง โดยมีตลาดรับซื้อทั้งในและต่างประเทศ แต่หากเพื่อนบ้านต้องการนำไปต้มยำทำแกง สามารถมาเก็บได้ฟรีทุกคน
พริกไทยดำพันธุ์ปะเหลียน จะให้ผลผลิตมากที่สุดในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคมของทุกปี โดยทยอยออกถึง 4 รุ่นต่อปี มีสรรพคุณทางยาสูง รสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของร้านค้าร้านอาหารทั่วไป
ข่าวน่าสนใจ:
เกษตรกรในอำเภอปะเหลียนได้รวมกลุ่มกันปลูกพริกไทยแปลงใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนเงินกู้ของสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน ซึ่งกำลังจะเปิดรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรเครือข่ายในปี 2564 เพื่อนำมาวางจำหน่ายและทำการตลาดให้กับลูกค้าสหกรณ์ ป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรหลายรายหันมาศึกษาดูงานการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนกันมากขึ้น ส่วนเกษตรกรรายใดสนใจสามารถติดต่อครูเจียมนายสุทิน กังแฮ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 087-2641037นายสุทิน กังแฮ อายุ 67 ปีเกษตรกรผู้ปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนในตำบลบางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรังกล่าวว่า ตนปลูกพริกไทยเต็มพื้นที่ 1 ไร่จำนวน 447 ต้นปีที่แล้วได้ผลผลิตกว่า 300 กิโลกรัมแต่ปีนี้คาดว่าน่าจะได้มากกว่า 500 กิโลกรัม ใช้เวลาปลูก 18 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวได้และราคาพริกไทยปีนี้จะน่าถีบตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้วจากเดิมกิโลกรัมละ 300 บาทเป็น 400 บาท โดยมีตลาดต่างประเทศคือจีนรับซื้อทั้งหมด ซึ่งจุดเด่นคือเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งปีนี้เกษตรกรหันมาปลูกเพิ่มขึ้นแล้วหลายราย โดยของตนมีไม่เพียงพอและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: