ชาวบ้านม.3 ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง 20 ครัว เดือดร้อนหนัก หลังถูกเพื่อนบ้านนำลวดหนามมาขึงปิดถนนจนเหลือแค่ 1 เมตร ทั้งๆ ที่เจ้าของที่ดินเดิมเคยยกให้ อบต.เป็นทางสาธารณะประโยชน์ไปแล้ว
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งว่าร้องเรียนกำลังเดือดร้อน และได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากถนนซึ่งเดิมใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมาในหมู่บ้านมาอย่างยาวนาน ได้ถูกปิดกั้นจากเจ้าของที่ดินรายใหม่ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเดียวกันที่อ้างถือครองกรรมสิทธิ์ ทั้งที่เจ้าของที่ดินรายเดิมแจ้งว่า เคยยกที่ดินพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นของ อบต.นาโยงใต้ เพื่อเป็นทางสาธารณะประโยชน์ไปแล้ว หลังจากตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่ถูกปิดกั้นเดิมเป็นถนนภายในหมู่บ้าน มีความกว้างประมาณ 5 เมตร แต่ได้มีผู้นำลวดหนามมาขึงล้ำเข้ามาบนถนนเกือบ 4 เมตร จึงเหลือเพียงช่องเล็กๆ ราว 1 เมตร
พอให้รถมอเตอร์ไซผ่านไปมาได้เท่านั้น โดยที่รถยนต์ หรือรถพ่วงข้าง ไม่สามารถใช้ได้เหมือนเมื่อก่อน กลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่ด้านใน จึงทำได้แค่เดินเท้าเข้าออกยังบ้านของตนเอง นางประมูณ พรมราช อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 3 ตำบลนาโยงใต้ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนจากการปิดถนนเส้นนี้ มีประมาณ 20 ครอบครัว ก่อนหน้าที่พวกตนเคยติดต่อไปยัง อบต.นาโยงใต้ และมีการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง แต่เรื่องก็ยังเงียบไม่มีความคืบหน้า โดยครอบครัวของตนได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะต้องใช้รถพ่วงข้างไปขนน้ำกินน้ำใช้จากข้างนอก เข้ามายังบ้านซึ่งอยู่ข้างใน และต้องใช้เส้นทางนี้เป็นประจำทุกวัน ทั้งส่งหลานไปโรงเรียน ออกไปทำมาหากิน หรือกรีดยางพารา อีกทั้งตนเองและสามีก็พิการ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุขาหัก ทำให้เดินไม่สะดวก เมื่อมาถูกปิดถนนอีก จึงถือเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด และเมื่อนำเรื่องไปแจ้งยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ส่ายหน้าหนี ไม่มีผู้ใดสนใจมาแก้ปัญหาให้ จึงต้องวอนขอความเห็นใจผ่านสื่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้มาดูแลช่วยเหลือโดยด่วน
ด้าน นางชอบ ชำเกลี้ยง อายุ 65 ปี ชาวหมู่ที่ 3 ตำบลนาโยงใต้ อีกราย ก็กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อปี 2553 ตนในฐานะเจ้าของที่ดินเดิม ได้มีภาระหนี้สินกับเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติกัน จึงแก้ปัญหาโดยการยกที่ดินซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดกับถนนสายนี้ให้เป็นการตอบแทน และได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า ตนเองได้ยกที่ดินขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ให้ตัดถนนเป็นทางสาธารณะประโยชน์ ตามที่ทาง อบต.นาโยงใต้ ร้องขอ เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้อย่างสะดวก ซึ่งเพื่อนบ้านรายนี้ก็ไม่ได้คัดค้านใดๆ และได้รับปากตนเองว่า จะไม่ปิดทาง โดยไม่ได้มีการทำเอกสารใดๆ เป็นหลักฐาน กระทั่งต่อมา อบต.นาโยงใต้ ก็มีการนำเสาไฟฟ้ามาปัก เพื่อแสดงเป็นแนวเขตทางสาธารณะเรียบร้อย แต่เมื่อตนเองได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของเพื่อนบ้านรายดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว กลับมีการกั้นลวดหนามปิดทางเข้าออก และไม่ยอมพูดคุยเจรจาด้วย จนทำให้ตนและชาวบ้านหลายคนได้รับความเดือดร้อน
และนายทวี คงบัน นายก อบต.นาโยงใต้ กล่าวว่า ทาง อบต.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้มีการทำหนังสือไปยังอำเภอเมืองตรัง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง และสำนักงานอัยการจังหวัดตรัง เพื่อแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งการสอบพยานบุคคล หรือหลักฐานต่างๆ ถึงที่มาที่ไปของที่ดินแปลงนี้ แล้วทุกอย่าง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอว่าทางส่วนที่เกี่ยวข้องจะสั่งให้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งทาง อบต.เองก็ไม่ได้มีอำนาจที่จะไปดำเนินการโดยพละการ เพราะทุกฝ่ายต่างไม่ยอมกัน และเจรจาพูดคุยกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ แม้กระทั่งตนเองก็ยังถูกร้องเรียนว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 จนต้องไปสู้กันตามกระบวนการของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาไม่เป็นผล ก็จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการของกฎหมายเพื่อให้ศาลพิจารณาต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: