ตรัง พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ชาวบ้านในตำบลนาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ชักชวนญาติพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำและตกงานจากพิษโควิด-19 หันไปตระเวนรับซื้อต้นสาคูมาแปรรูปเป็นแป้งสาคูและทำขนมจากแป้งสาคูขาย สร้างรายได้สู้พิษโควิด-19 ขายดีเกินคาดมีรายได้ 5,000-6,000 บาท
พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส วันนี้ (19 เม.ย.2563) น.ส จรรยา แต้มเฒ่า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 หมู่ที่ 7 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ผันตัวเองจากผู้รับซื้อน้ำยางพารารายย่อย มาเป็นแม่ค้ารับซื้อต้นสาคู ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติและมีอยู่มากในอำเภอนาโยง หลังราคายางพาราตกต่ำและได้รับผลกระทบจากปัญหาไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถออกไปหาอาชีพอื่นได้
จึงนำความรู้ที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ชักชวนญาติพี่น้องที่ตกงานเพราะพิษโควิด-19 รวมทั้งลูกหลานที่ปิดภาคเรียนประมาณ 30 คน ออกตระเวนรับซื้อต้นสาคูในราคาต้นละ 300-400 บาท เพื่อนำมาแปรรูปเป็นแป้งสาคู ส่งขายเป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัว
โดยต้องเลือกต้นสาคูที่แตกเขากวาง อายุตั้งแต่ 10-15 ปีจึงจะได้แป้งสาคูที่มีรสชาติดี เหนียวหนึบและมีแป้งมาก นำมาผ่านกระบวนการแปรรูปหลายขั้นตอน ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันจึงออกมาเป็นแป้งสาคูทั้งชนิดแป้งละเอียด และชนิดเม็ด สามารถนำไปทำขนมกวน ลอดช่อง คุกกี้ ตะโก้ ขนมเค้ก เปียกสาคูและอื่น ๆ ได้ ขายราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท โดยสามารถเก็บไว้นานนับปี
ซึ่งต้นสาคูแต่ละต้นจะให้แป้งสาคูตั้งแต่ 50-90 กิโลกรัม ลูกค้ามีทั้งในจ.ตรังและจังหวัดใกล้เคียง ขายหมดชนิดวันต่อวัน สร้างรายได้ตั้งแต่ 5,000-6,000 บาท จนกลายเป็นรายได้หลักที่แบ่งปันกันหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ได้คนละไม่ต่ำกว่า 300-400 บาทต่อวัน
เพราะนอกจากจะลงทุนซื้อแค่ต้นสาคูมาแล้ว ก็ไม่มีรายจ่ายอย่างอื่นอีก นอกจากอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตออกมาเป็นแป้งสาคูส่งขาย และเมื่อขายผ่านทางโลกออนไลน์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ในแต่ละวันมีลูกค้าเดินทางมารับซื้อถึงบ้านจนผลิตแทบไม่ทัน
ด้าน น.ส จรรยา แต้มเฒ่า เกษตรกรผู้ผลิตแป้งสาคูกล่าวว่า รายได้ต่อวันตั้งแต่ 5,000-6,000 บาท แป้งสาคูเอาไปทำขนมกวน สาคูเปียก และขนมอื่น ๆ ได้หลายอย่าง
ผลตอบรับดีมาก ลูกหลานในหมู่บ้านได้มาช่วยโดยการวมกลุ่มกันในญาติพี่น้อง ลูก ๆ หลาน ๆ ได้มีงานทำไม่ต้องไปเกเร แป้งที่ได้ต้นแก่จะได้แป้งที่เหนียวหนึบน่ากิน เก็บไว้ได้นาน 1 ปีสั่งซื้อได้ทางเฟสบุ๊ก จรรยา แต้มเฒ่า หมายเลขโทรศัพท์ 093-6527285
