สส.เต้ เยือนเมืองตรัง ลั่นส่งผู้สมัครส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์แน่นอน ชูยางพาราต้องกิโลกรัมละ 80 บาท ปาล์มราคา 7.50 บาท และตรังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจอัดฉีดครอบครัวละ 150,000 บาท
สส.เต้ : 7 ก.พ. 2566 สส.เต้ มงคลกิตติ์สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา-นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค,นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค, นางสาวอรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกประจำตัว ส.ส.มงคลกิตติ์ฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค ,นางสาวกนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ รองโฆษกพรรคฯ นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค,นายอดิศร สังค์จันทร์ กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่จังหวัดตรัง
สส.เต้ มงคลกิตติ์สุขสินธารานนท์ เผยการมาเยือนจังหวัดตรัง ไม่ใช่ครั้งแรกเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็ก็มามาหาเสียงแต่ไม่ได้ส่งผู้สมัครไม่ได้ส่งผู้สมัคร แต่ครั้งนี้น่าจะมีความพร้อมมากกว่าเดิมเพราะว่ามีคนในพื้นที่แสดงเจตจำนงอยากจะลงสมัครส.ส.จังหวัดตรัง ในนามพรรคไทยศรีวิไลย์ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะครบหรือเปล่า แต่มีมาหลายท่านที่เสนอตัวเข้ามาเป็นตัวแทนของพรรคไทยศรีวิไลย์ ในการที่จะลงสมัครเลือกตั้งเขต 1 เขต 2 เขต 3 เขต 4 ของจังหวัดตรัง
และมองว่าจังหวัดตรัง คนตรังส่วนใหญ่ปลูกยางพารา ซึ่งตอนนี้ราคายางพาราอยู่ที่ประมาณ 42 บาท ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยาง อย่างน้อยราคายางพารามันต้องอยู่ที่ 80 บาท ยิ่งตอนนี้เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรเป็นอย่างหนักเพราะราคาปุ๋ยแพงมาก วิธีการในการแก้ไขปัญหาคือ 1 ก็คือเราก็คงต้องมาดูเรื่องปุ๋ยปุ๋ยเราก็คงมีนโยบายในการที่จะให้ตั้งสหกรณ์ปุ๋ยในแต่อำเภอ แล้วก็มีเงินของรัฐมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้ทำปุ๋ยเองแล้วก็บางส่วนถ้ายังทำปุ๋ยไม่ทันก็นำเข้าปุ๋ย แล้วก็ไอ้ปุ๋ยเจ้าสัวแล้วก็ไม่ซื้อ
ข่าวน่าสนใจ:
- พะเยา หนุ่มขโมยย่องฉกเงินร้านข้าวมันไก่ 3 ครั้งเจ้าของสุดทนแจ้งตรจับ
- ปป.แม่สายทานมูมมามจนลืมตัว เรียกเก็บเงินแบบไม่อาย แต่ต่อรองราคาได้
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- บุรีรัมย์ เตือนวัยรุ่นอย่าทำ ขับรถหวาดเสียว ยกล้อโชว์ จับส่งศาล ศาลพิพากษาสั่งปรับและจำคุก
เราก็ลดต้นทุนได้บางส่วนละไม่ใช่บางส่วนส่วนใหญ่เลยล่ะอีกส่วนหนึ่งก็คือในการรับซื้อยางกลับจากเกษตรกรเราก็ต้องมีระบุว่าโรงงานต่างๆ เราต้องแยกเป็น 2 ส่วนส่วนหนึ่งที่ส่งออกกับส่วนหนึ่งที่ใช้ภายในประเทศส่วนหนึ่งที่ใช้ภายในประเทศเราต้องกำหนดราคารับซื้ออยู่ที่ประมาณ 80 บาท ซื้อราคาเท่าเนี้ยต่ำกว่านี้ไม่ได้ ซื้อสูงกว่าได้ต่ำกว่าไม่ได้ อีกประการหนึ่งคือรัฐอาจจะต้องเข้าไปชดเชยในส่วนนั้น เพราะว่าอย่างที่ส่งออกไปต่างประเทศถ้าไม่ได้แปรรูปราคามันจะไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปก่อนจะส่งออกเพื่อไม่ให้มีการ reference เรื่องการกำหนดราคากลางกับตลาดโลก นั้นก็เป็นการช่วยพี่น้องชาวสวนยางที่เป็นพืชส่วนใหญ่ของของคนจังหวัดตรัง
ส่วนเรื่องราคาปาล์มน้ำมัน ความจริงแล้วประเทศไทยเราส่งออกไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่โดยส่วนใหญ่เราส่งไปที่โรงงานหีบปาล์มแล้วก็ขายมาเป็นน้ำมัน บ้างขายไปทำหลายๆอย่างด้วยกันเราก็คงต้องใช้แนวทางเดียวกันเพราะว่าตามตอนนี้ราคามันไม่ผิดน่าจะเหลือแค่ประมาณจำ 2 บาท 3 บาทถือว่าน้อยมาก เมื่อวานดูราคามาประมาณสัก 2 บาท 3 บาทประมาณเนี้ย 2 บาทเราคงต้องกำหนดราคาว่าอย่างน้อยก็ตามต้อง 7.50 บาท
แล้วก็ต้องมาทำเรื่องกลไกเกี่ยวกับเรื่องปุ๋ย เพราะว่าปุ๋ยมันแพงทำให้เป็นต้นทุนที่สูงในการผลิตเพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถกำหนดตรงจุดนี้ได้ โรงงานน้ำมันถ้านักการเมือง หรือพรรคการเมืองเราไม่ไปไถเงินโรงงานน้ำมันปาล์มเนี่ยมันก็คงไม่มีปัญหาหรือสมมุติถ้าเราไม่เอาเปรียบแล้ว ก็มีการแอบเข้านำปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่มีที่วัดว่าเรามีปริมาณปาล์มน้ำมันเท่าไหร่ เนื่องจากว่านักการเมืองแอบเอาน้ำเข้ามาแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร บางส่วนที่เกี่ยวข้องเพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องทุจริตแล้ว
ถ้ามีการส่งเสริมการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ก็จะยิ่งดีแล้วณขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาค่อนข้างเยอะปี 66 น่าจะประมาณ 60 ล้านคนด้วยกัน แต่ศักยภาพของชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในประเทศไทย จำนวนเงินที่มาเที่ยวเนี่ยค่อนข้างน้อยลงกว่าปี 62 เนื่องจากว่าเขาก็ประสบสถานการณ์เศรษฐกิจโควิด เหมือนกันทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเยอะแต่ปริมาณเงินอาจจะไม่เยอะเท่ากับปี 62 เพราะฉะนั้นปี 62 เราเคยได้รายได้จากนักท่องเที่ยวประมาณอยู่ที่ 39 ล้านคนอยู่ที่ 3.06 ล้าน ล้าน ปีนี้ 60 ล้านคนอาจจะได้ประมาณ 3 กว่าๆ เหมือนกัน 3.6 37 ล้านๆเหมือนกันถ้าปี 66 เอ้ยปี 62 ก็ปี 66 เนี่ยก็น่าจะได้ประมาณสัก 4 ล้านล้าน แต่ 4 ล้านล้าน
มันก็ดีขึ้นก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเขาจะกระจายไปตามจังหวัดต่างๆที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว เพียงแต่ว่าเราต้องมีการส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดมีจุดเด่นในแต่ละจังหวัดทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาแต่อย่างจังหวัดตรัง เนี่ยที่บขสเนี่ยมีนักท่องเที่ยวที่ชาวเยอรมันมีแค่ 2 คนเอง ไม่เยอะมากไม่เยอะมากเพราะฉะนั้นไม่เหมือนกับภูเก็ตถนนคนเดินเนี่ยคนไทยเหลือแค่ 10% เราต้องการให้จังหวัดตรัง เป็นแบบนั้นรายได้จากนักท่องเที่ยวจะได้เข้ามาในจังหวัดตรังเยอะๆ จังหวัดตรังจะได้เป็นจังหวัดที่เจริญทั้งๆ ที่แบบความจริงแล้วจังหวัดตรังนี้ผมคิดว่าถ้าเราได้มีโอกาสในการที่จะส่งตัวแทนลงมาเป็นผู้สมัครส.สแล้ว พี่น้องตรังให้กับโอกาสเนี่ยสิ่งแปลกใหม่ที่พี่น้องชาวต่างไม่เคยเห็นเกิดขึ้นเนี่ยก็จะเกิดขึ้นทันที
ผมเชื่อมั่นว่านโยบายหลายๆอย่างที่เราจะแก้ปัญหาเรื่องเรื่องเกษตรกรรม ว่าไปอย่างนึงแต่ตอนนี้ในโดยส่วนใหญ่เนี่ยพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดตรังไม่มีกำลังซื้อ พอไม่มีกำลังซื้อร้านค้ามันก็ไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นเราต้องอัดฉีดเงินในระบบโดยโครงการของนโยบายของพรรคไทย
อัดฉีดครอบครัวละ 150,000 บาทด้วยกันทั้งหมด 22 ล้านครอบครัวก็จะประชาชนจังหวัดตรังทั้งหมด 4 เขตด้วยก็จะทำให้พี่น้องประชาชนมีเงินในการหมุนเวียนทางธุรกิจแต่เงินนี้เป็นวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทด้วยกันดอกเบี้ย 0.01 แล้วก็มีการประกันวงเงินเพื่อไม่ให้เป็นหนี้สาธารณะเพราะเรากู้เงินแบบแบบให้เปล่าไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นเงินจำนวนนี้ก็จะเอามาใช้หนี้นอกระบบส่วนหนึ่ง มาใช้หนี้ในระบบส่วนหนึ่ง เป็นผ่อนชำระให้เป็นภาวะปกติแล้วในส่วนหนึ่งเอาไว้หมุนเวียนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านไส้กรอก ร้านขายนู่นขายนี่ ฯ ก็จะทำให้พี่น้องประชาชนมีกำลังทรัพย์ในการที่จะมาจับจ่ายใช้สอยเศรษฐกิจมันก็จะขับเคลื่อน แล้วอีกอย่างหนึ่งคือนโยบายนี้เป็นนโยบายที่สำคัญที่ทำให้การจัดงบประมาณสมดุลเกิดขึ้นในปี 67
ทันทีเพราะว่ารายได้จากภาษี vat ประมาณ 215,000 ล้าน ในส่วนของการอัดฉีดรอบแรกเข้าไปในช่วงปลายปี 66 ถ้าพรรคไทยศรีวิไลเป็นรัฐบาลเนี่ยรวมทั้งภาษีนิติบุคคลประมาณอีกประมาณ 456,000 ล้านบาทรวมแล้วใกล้ๆ 7 แสนล้าน ปี66 เราจัดงบขาดดุล ถ้าตรงนี้อัดฉีดไปปุ๊บเนี่ยเอ่อรายได้เข้ารับทันทีเกือบเกือบ 7 แสนล้าน เราก็จะสามารถจัดงบประมาณปี 67 กลับมาดูได้ทันทีถ้าเราจัดสมดุลได้ก็นั่นหมายความว่าอัตราค่าเงินบาทก็จะเริ่มๆ ค่อนข้างแข็งตัวขึ้นเนื่องจากว่าเรามีเงินภายในประเทศมากขึ้นอันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งแล้วอีกอย่างนึงถ้ามีนักท่องเที่ยวมากขึ้นเงินบาทก็จะดีขึ้น.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: