รมว.ทส กำชับให้กรมทะเลชายฝั่ง เร่งลงพื้นที่อบรมเครือข่ายอาสาสมัครและชุมชนชายฝั่ง “เพิ่มพูน ประสบการณ์ ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก” บ้านเกาะมุกด์ อ.กันตัง จ.ตรัง
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 และเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ลงเรือฝ่าฝนและคลื่นลมสูงประมาณ 2 เมตร ลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านการเคลื่อนย้ายพะยูนกับชาวประมงบ้านเกาะมุกด์ เพื่อให้ได้รับความรู้ในการช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นอย่างถูกวิธี
ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก วันที่ 10 กันยายน 2566 ที่ธนาคารปูม้า บ้านเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นายสมไชย เก้าเอี้ยน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7(ตรัง) มอบหมายให้นายวรรณ ชาตรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่บ้านเกาะมุกด์ เนื่องจากได้รับการกำชับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เร่งลงพื้นที่อบรมเครือข่ายอาสาสมัครและชุมชนชายฝั่ง “เพิ่มพูน ประสบการณ์ ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก”
ทั้งนี้นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง(ศวอล.) จัดประชุมชี้แจงอบรมเครือข่ายชุมชนชายฝั่งช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ประจำปี 2566 บริเวณศูนย์การเรียนรู้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบ้านเกาะมุกด์ อ.กันตัง จ.ตรัง สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ที่ได้รับรายงานจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่างว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 และเครือข่ายในพื้นที่ว่าชาวบ้านเกาะมุกด์พบพะยูนเกยตื้นมีชีวิต ณ บริเวณท่าเรือเกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯไปถึง ปรากฏว่าชาวบ้านเกาะมุกด์ได้ช่วยขนย้ายพะยูนตัวดังกล่าวปล่อยกลับสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว ตามที่เห็นในภาพข่าวนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯเห็นว่าจากรูปแบบการช่วยเหลือในเบื้องต้นขอเรียนว่าเป็นวิธีการที่เหมาะสม ในกรณีการช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นมีชีวิตอย่างทันท่วงที เนื่องจากกรณีพบเห็นสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นมีชีวิตติดในบริเวณน้ำตื้นนั้นต้องทำการช่วยเหลือกลับสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยและลดความเครียดของสัตว์ โดยมีการเคลื่อนย้ายพะยูนจากพื้นที่น้ำตื้นลงไปสู่ที่น้ำลึกให้พะยูนว่ายออกไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งได้ผ่านการอบรมจากกรม ทช. ได้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นและสามารถหาได้พื้นที่ ณ ขณะนั้น ในการขนย้ายพะยูน
นอกจากนี้ทางศูนย์วิจัยฯ ยังได้มีการประสานกับเครือข่ายในพื้นที่และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมในการเฝ้าระวังพะยูนตัวดังกล่าวกลับมาเกยตื้นซ้ำ และมอบอุปกรณ์ในการขนย้ายและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้กับเครือข่ายในพื้นที่ กรณีหากพบการเกยตื้นซ้ำให้รีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ ทันที เพื่อเข้าช่วยเหลือต่อไป และในขณะนี้ทางศูนย์วิจัยฯได้จัดสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่พร้อมเรือขนาด 20 ฟุต ลงไปประจำพื้นที่ทำการเฝ้าระวังกรณีพะยูนตัวดังกล่าวกลับมาเกยตื้นซ้ำของพื้นที่เกาะมุกด์ และบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมในการลงพื้นที่ลาดตระเวนและพบปะกับชาวประมงบริเวณชายฝั่งให้ติดตามและร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
นายอภิชัย รรท.อทช. กล่าวเสริมว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้แสดงความห่วงใยต่อสัตว์ทะเลหายากโดยเฉพาะพะยูน เนื่องจากกระทรวง ทส. ได้มุ่งเน้นและผลักดันการเพิ่มจำนวนประชากรพะยูน ตามแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ จึงได้ให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. สั่งการเจ้าหน้าที่กรม ทช. ให้เร่งดำเนินการลงพื้นที่จัดประชุมฝึกอบรมเครือข่ายชุมชนชายฝั่งช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก และดำเนินการประชาสัมพันธ์การช่วยสัตว์ทะเลเกยตื้น นอกจากนี้ รมว.ทส. ได้ฝากถึงพี่น้องชาวประมงช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นให้รีบแจ้งมายังกรม ทช. ที่เป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเหลือและฟื้นฟูสัตว์ทะเลเหล่านี้ หรือแจ้งสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร.1362 ทันทีเพื่อเข้าช่วยเหลือสัตว์ทะเล หรือให้รีบทำการช่วยเหลือในเบื้องต้น อย่างถูกวิธีทางวิชาการ พร้อมนำอุปกรณ์หรือวัสดุมารองตัวของพะยูน และใช้วิธีตักน้ำราดรดตัวพะยูนตลอดเวลาเพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นก่อนที่จะนำกลับสู่ทะเล
พร้อมทั้งฝากเรื่องการประกอบอาชีพประมงในพื้นที่ให้ระมัดระวังพะยูนและสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ จำพวกสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลักของการทำประมง แต่สัตว์ทะเลกลุ่มนี้มีโอกาสติดมากับเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ ชาวประมงจะต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์ และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุติดมากับเครื่องมือฯหรือพบการเกยตื้นในพื้นที่ โดยที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีการจัดฝึกอบรมเครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 โดยเป็นการจัดฝึกอบรมช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเบื้องต้นสำหรับเครือข่าย รุ่นละ 35 คนต่อปี ปีละ 5 รุ่น ซึ่งจัดอบรมให้แก่เครือข่ายชาวประมงอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ชุมชนชายฝั่ง ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ กรมประมงในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับแนวทางการจัดการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเบื้องต้น
สำหรับในพื้นที่เกาะมุกด์ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของพะยูนและหญ้าทะเลจังหวัดตรัง ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ ได้มีการลงพื้นที่ให้ความรู้และฝึกอบรมการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเบื้องต้นสำหรับเครือข่ายในพื้นที่ เกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ทำให้เครือข่ายมีความรู้เบื้องต้นในการเข้าจัดการและช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นได้อย่างปลอดภัย และ กรม ทช. ได้จัดทำคู่มือและแผ่นพับการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเบื้องต้น พร้อมแจกจ่ายในพื้นที่ชายฝั่งทะเลมาโดยตลอดเพื่อสร้างความเข้าใจในการช่วยเหลือการเกยตื้นหรือการได้รับบาดเจ็บของสัตว์ทะเลหายากในพื้นที่ให้ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที “ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดออกลาดตระเวนเฝ้าระวังประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในการช่วยเหลือพะยูนและสัตว์ทะเลหายากที่ได้รับบาดเจ็บหรือเกยตื้น อย่างต่อเนื่อง
ทางด้าน นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) มูลนิธิอันดามัน ผู้นำชุมชน และชุมชนบ้านเกาะมุก ร่วมจัดเวทีชาวบ้าน แนะนำ สาธิต ให้องค์ความรู้การให้ความช่วยเหลือพะยูนเกยตื้น กลับลงสู่ทะเลอย่างถูกวิธี และปลอดภัย เป็นการคุ้มครอง อนุรักษ์พะยูน อย่างยั่งยืนต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: