X

ตรัง วอนมาขอขมาศพน้องเหยื่อถูกเพื่อนวัย 14 ปี ทำปืนลั่นใส่เสียชีวิต

ญาติวอนคู่กรณีมาขอขมาศพน้องวัย 14 เหยื่อถูกเพื่อนวัยเดียวกัน ทำปืนลั่นไกเสียชีวิต ภายหลังจากแอบขโมยปืนคุณตาซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ตชด. มาโชว์เล่นกับเพื่อน ด้านน้าสาวผู้เสียชีวิตเผย ตนอยู่ในเหตุการณ์ยิงในพารากอน แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับหลานชาย ด้าน ผอ.สพม.เขต 13 รีบลงมาพูดคุยกับญาติ ประสานเยียวยาครอบครัว พร้อมทั้งเร่งหามาตราป้องกันความปลอดภัยของเด็กนักเรียน

วอนมาขอขมาศพ  เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สมาคมย่านตาขาว เขตเทศบาล ต.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ชาว ต.ย่านตาขาว จ.ตรัง นักเรียนระดับชั้น ม. 2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ที่ถูกกระสุนปืนขนาด .45 ลั่นใส่เข้าบริเวณแผ่นหลังทะลุหน้าอกซ้ายเสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต อายุ 14 ปีเท่ากัน และศึกษาอยู่ระดับชั้น ม.2 เช่นกันทำปืนลั่นใส่ โดยปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนที่ผู้ก่อเหตุแอบขโมยมาจากคุณตา ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ตชด. ที่ จ.พัทลุงมานานกว่า 3 เดือน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้ววานนี้ (10 ต.ค.66)

บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า บริเวณหน้าโลงศพมีการตั้งโต๊ะธูปเทียน และมีการนำรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ สีดำ-แดง ที่ตาของผู้ตายเพิ่งซื้อให้ยังไม่ถึง 1 เดือน มาจอดไว้เนื่องจากผู้ตายรักรถคันนี้มากและชอบเรื่องเกี่ยวกับงานสายช่างยนต์ชอบแต่งรถ ในอนาคตเคยเปรยกับแม่ว่าอยากไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิค เพื่อเรียนรู้เติมเต็มทำงานตามเป้าหมายชีวิตที่ได้ตั้งไว้

ในเวลาต่อมา นายชัยณรงค์ ช่างเรือ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ที่ 13 ตรัง-กระบี่ (สพม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารได้เดินทางเข้ามาคารวะศพ พร้อมวางพวงหรีดเพื่อแสดงความไว้อาลัยกับการสูญเสียในครอบครัว จากนั้นได้มีการพูดคุยกับครอบครัวและมอบเงินเยียวยาเป็นการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นกับครอบครัว  ตนเองหลังจากทราบข่าวปืนลั่นใส่นักเรียนเสียชีวิต ก็ได้รีบลงพื้นที่มาที่งานศพ พร้อมกับคณะผู้บริหารสถานศึกษา และได้พูดคุยกับผู้ปกครองของน้องกัน ก็เสียใจเป็นอย่างยิ่ง และได้รายงานผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ทางโรงเรียนและทางเขตพื้นที่จะหาวิธีการช่วยเหลือเยียวยา เบื้องต้นก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งมาทำบุญ พร้อมกับจะหาวิธีเยียวยาความรู้สึก หลังจากนี้ก็จะต้องเป็นอุทาหรณ์ให้กับเรา และเป็นคติสอนใจในเรื่องของการดูแลนักเรียนเป็นสำคัญที่สุด โดยเฉพาะนโยบายความปลอดภัย คงจะต้องรีบดำเนินการประสานไปยังผู้บริหารโรงเรียนทุกโรงเรียน กำชับเป็นพิเศษในเรื่องของการดูแลนักเรียน โดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียน เพราะเด็กอยู่บ้าน และปรากฏข้อเท็จจริงว่าบางผู้ปกครองบางครอบครัวไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลบุตรหลานไปบ้าง

ขณะที่ นางอุทัยวรรณ ศรีสวัสดิ์ อายุ 48 ปี ผู้เป็นแม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวานนี้ฝ่ายคู่กรณีได้ไปที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้คุยกัน เนื่องจากตนยังไม่มีสติ รู้สึกแย่สุดๆ แย่มาก เพราะว่าน้องกันนอนกับแม่ ถึงเขาจะอยู่ ม.2 แล้ว อายุ 14 ปีก็จริง แต่เขายังเหมือนเด็กอนุบาล ต้องให้แม่กอดก่อนนอน อาบน้ำให้ ขึ้นนอนพร้อมกัน ผ้าห่มต้องผืนเดียวกัน ทุกวันเวลา 2 ทุ่ม น้องกันจะทักมาหาว่ามีข้าวอะไรบ้าง หากอยากกินอะไรแม่ก็จะไปซื้อมาตั้งไว้ให้เขากิน โดยน้องกันบอกแม่ว่า หากกจบชั้น ม.3 เขาจะไปเรียนต่อช่างยนต์ สายอาชีพที่เทคนิค เพราะเขาชื่นชอบรถ ชอบซ่อมรถ แม่ก็อยากให้ผู้ก่อเหตุลั่นกระสุนใส่มาขอขมาศพ เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนกัน น้องกันจะได้ไปสบาย ไปสู่สุขติ ในวันนี้ทางโรงเรียนก็มาหาถึงที่งานศพของน้องกัน ซึ่งศพน้องจะทำพิธีฝังในวันอาทิตย์ (15 ต.ค.) ที่จะถึงนี้ เพราะไม่อยากจะเผาน้อง

ด้านนายวิไล ทองฤทธิ์ อายุ 69 ปี ตาของผู้เสียชีวิต เผยว่า ตนได้รับแจ้งว่าหลานอยู่ รพ.แต่ไม่คิดว่าตะถูกยิงด้วยอาวุธปืนคิดแค่ว่าประสบอุบัติเหตุล้มรถจยย. แต่พอไปถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่เร่งปั๊มหัวใจช่วยชีวิตหลานของตนแต่ก็ไม่เป็นผล ตอนนั้นหลานสิ้นใจแล้วแต่ดวงตายังไม่หลับ ตนจึงบอกกับหลานว่าหลานไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงตา ตาดูแลตัวเองได้ ขอให้น้องหลับ ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของหลานจะหลับตาลง ตนเชื่อว่าหลานรอตนอยู่ หลานสนิทกับตนมากเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ หลานเคยพูดกับตนว่า ตาก็ขาไม่ดีแล้ว น้องบางทีอาจจะดูแลตาได้ไม่นาน

อยากขอให้คู่กรณีมาขอขมาสักครั้ง พ่อแม่ก็มาคุยกับครอบครัวตนเพื่อหาทางออกร่วมกันไม่ใช่มาเงียบแบบนี้ การสูญเสียครั้งนี้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายยากที่จะทำใจยอมรับ ทางคู่กรณีก็สูญเสียแต่ยังมีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ทางครอบครัวตนหลานหมดโอกาสไปแล้ว ขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนด้วย

ขณะเดียวกันนางนภัสร กุศลศิริ อายุ 46 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ตกอยู่ในเหตุการณ์กราดยิงในห้างสยามพารากอนเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับหลานของตน ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับความสูญเสียที่ตนไม่ได้ตั้งตัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กอายุ 14 อีกแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตนมองว่ามันเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะ เด็กสามารถหาอาวุธปืนและกระสุนได้ง่ายมาก การที่เป็นเยาวชนทำผิดโดยเจตนาหรือไม่เจตนาและไม่มีความผิดสร้างความหวาดระแวงกับบทลงโทษตรงนี้ว่าทำไมไม่มีการจัดการให้เด็ดขาด อยากให้เหตุการณ์ของหลานเป็นเคสสุดท้ายจริงๆ ให้มีบทลงโทษ ตอนนี้ครอบครัวตนย่ำแย่จนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ทุกคนรู้สึกเจ็บปวด.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน