ลุงปืนดุ ฉุนจัดเพื่อนบ้านไล่หมา ปาหินใส่หมาของตัวเอง หลังหมาวิ่งเข้าใส่คนซอยเดียวกัน จนถึงขั้นทะเลาะกัน ก่อนจะชักปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงทะลุประตูบ้าน หญิงวัย 61 ปีดวงกุดถูกลูกหลงกระสุนทะลุหัวดับ หลังก่อเหตุขับรถพ่วงข้างซาเล้งหลบหนีพร้อมกับหมา ล่าสุดพบทิ้งรถไว้ห่างไปอีก 2 ซอย ตร.เร่งล่าตัวมาดำเนินคดี
ลุงปืนดุ : วันที่ 27 ก.ค.67 เวลา 19.00 น. ร.ต.อ.เวชยันต์ หิรัญสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านเช่าเลขที่ 52/4 ถนนเวียนกะพังซอย 10 หมู่ 4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง (รอยต่อระหว่างเขตเทศบาลนครตรัง กับ ต.บ้านโพธิ์) หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.ฯ รับทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สนธยา ด้วงเพ็ชร สว.สส. กำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจสายตรวจอินทรีย์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง เข้าตรวจสอบ
ถึงที่เกิดเหตุ เป็นบ้านเช่าห้องแถวปลูกติดกัน 4 คูหา โดยหลังที่เกิดเหตุมีนางประเกียบ เมืองทวี หรือป้าดาว อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/1 หมู่ 4 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้เช่า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองพกสั้นไทยประดิษฐ์ (ค้อนตราควาย) กระสุนเจาะเข้าที่บริเวณศีรษะ ได้ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน รพ.ธนบุรีตรัง นำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้าแล้ว และได้เสียชีวิตลงที่ รพ.ศูนย์ตรัง ในเวลาต่อมา
ตรวจสอบบ้านห้องเช่าที่เกิดเหตุ บริเวณลานปูนหน้าบ้านพบหมอนรองกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 1 ชิ้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน บริเวณประตูไม้หน้าบ้าน พบร่องรอยลูกปรายกระสุนปืนลูกซองเจาะเข้าจำนวน 9 รู และแรงกระสุนยังทะลุเข้าไปเจาะฝาผนังภายในตัวบ้านอีกด้วย ขณะเดียวกันบนพื้นปูนติดกับประตูภายในบ้านพบกองเลือดกองใหญ่ไหลเจิ่งนองอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียชีวิตถูกยิง
ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายสำราญ นุ่นขาว หรือหลวงพาน อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/10 หมู่ 4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง อาชีพรับจ้างก่อสร้าง และรับจ้างทั่วไป หลังก่อเหตุได้ขับรถ จยย. สามล้อพ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีแดง สภาพเก่า ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน มีสุนัข และเศษของของเก่าจำนวนมากอยู่ภายในพ่วงข้าง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุหลบหนีไป
จากการสอบสวนนายสมส่วน (พยาน) ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเช่าห้องติดกันกับผู้ตาย ให้การว่า เวลาประมาณ 18.10 น. ขณะที่ตนยืนอยู่หน้าบ้านพัก ผู้ก่อเหตุได้ขี่รถ จยย. คันดังกล่าว บรรทุกเศษของของเก่ามาเต็มคัน ขี่เข้ามาภายในซอย ผ่านหน้าบ้านผู้ตายและบ้านตน กับมีสุนัขตัวสีดำขาว ซึ่งเป็นของผู้ก่อเหตุวิ่งตามมาด้วย แต่ปรากกว่าสุนัขของผู้ก่อเหตุ ได้วิ่งเลี้ยวเข้ามาหาแฟนของตน แฟนของตนจึงไล่หมา และหลานของตนจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาถือในมือแล้วปาไปที่หมา หมาจึงวิ่งตามผู้ก่อเหตุกลับไป จากนั้นผู้ก่อเหตุจึงพูดว่า “มาเขวี้ยงหมาทำไม“ แฟนของตนจึงพูดว่ากลับไปว่า“ ก็หมามันเข้ามาหาคน “ ผู้ก่อเหตุ พูดกลับมาว่า“ หมามันกัดหรือยัง เย็…แม่ หมากูอยู่ดีๆมาเขวี้ยงหินทำไม แล้วด่าเย็…แม่ไปตลอดทาง “ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ขี่รถ จยย.กลับบ้านที่อยู่ภายในซอยเดียวกันไป
ผ่านไปประมาณ 20 นาที เวลาประมาณ 18.30 น. ผู้ก่อเหตุขับขี่รถคันเดิมกลับมา จอดที่ริมถนนเยื้องหน้าบ้านผู้ตายใกล้กับเสาไฟฟ้า โดยนั่งคร่อมรถ จยย. พ่วงข้างอยู่ ซึ่งขณะนั้นผู้ตายยืนอยู่บริเวณประตูบ้านเขา ส่วนตน และแฟนของตน ก็ยืนดูอยู่บริเวณหน้าประตูบ้านตน ผู้ก่อเหตุได้พูดมาว่า “ เมื่อกี้ว่าอย่างไงมีปัญหาอะไร “ ตนก็ตอบไปว่า “แล้วลุงด่าแม่พวกผมทำไม “ ผู้ก่อเหตุพูดกลับมาว่า “ แล้วมีปัญหาอะไร “ ตนตอบกลับไปว่า “ผมไม่มีอะไร แล้วลุงมีอะไร” หลังจากสิ้นเสียงพูด ผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืนลูกซองพกสั้น สีเงิน ขึ้นมามาจากสะเอว และจ้องเล็งมาที่ ตน แฟนตน และผู้ตาย
เมื่อเห็นเช่นนั้นต่างคนก็รีบปิดประตูหน้าบ้านทันที แต่ตนเดินถอยเข้าบ้านตัวเองไม่ทัน จึงรีบเข้าไปภายในบ้านของผู้ตาย โดยที่ผู้ตายก็ปิดประตูเข้าบ้านมาพร้อมกัน ผู้ก่อเหตุจึงได้ยิงมาที่ตน จำนวน 1 นัด หลังสิ้นเสียงปืน ตนสำรวจตัวเองก่อนว่าถูกยิงหรือไม่ ปรากฏว่าไม่ถูกยิง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถหลบหนีออกจากซอยไปทันที แต่จังหวะเดียวกันประตูหน้าบ้านผู้ตายเปิดออกมา ตนจึงเห็นว่า ผู้ตายล้มนอนตะแคงซ้ายเลือดออกบริเวณศีรษะจำนวนมาก เพราะถูกกระสุนปืนทะลุผ่านประตูบ้าน ตนจึงรีบโทรแจ้งเหตุ ผ่าน 191 ทันที
ต่อมาในเวลาประมาณ 22.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้พบรถ จยย. พ่วงข้าง ทะเบียน ขงฉ 164 ตรัง ที่ใช้ก่อเหตุจอดทิ้งไว้ภายในซอยเวียนกะพังซอย 12 ซึ่งอยู่ถัดจากจุดเกิดเหตุไป 2 ซอย โดยบนพื้นข้างรถพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง ชนิดสีขาว ที่คาดว่าใช้ก่อเหตุถูกถอดจากกระบอกปืนทิ้งไว้จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในตะกร้าหน้ารถยังพบ ขวดน้ำ มีดเคียว และขวาน ในพ่วงข้างพบรองเท้าบูท กระสอบ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้เรียกนายสมส่วน (พยาน) และบุคคลใกล้ชิดมาสอบปากคำแล้ว ขณะที่กำลังชุดสืบสวนได้กระจายกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย.
