เจาะสนามเลือกตั้ง ส.ส.ตรัง ยุคคนตรังอยากเปลี่ยน เปิดใจให้โอกาสทุกพรรคการเมือง นำเสนอนโยบาย ก่อนตัดสินใจเข้าคูหาในวันที่ 24 มีนาคม นี้
เจาะสนามเลือกตั้ง ส.ส.ตรัง ยุคคนตรังอยากเปลี่ยน : หลังจากที่การเมืองไทยอึมครึมมาเกือบ 5 ปี หลายคนห่างจากเข้าคูหา เข้ากาเบอร์เลือกผู้แทนมานาน แต่หลังจากที่มีคำประกาศออกมาชัดเจนว่า ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.ทั่วประเทศ และในระหว่างวันที่ 4 -8 กุมภาพันธ์ 2562 จะเป็นวันรับสมัครว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ ทำให้บรรยากาศการเปิดรับสมัครว่าที่ ส.ส.คึกคักทุกจังหวัด ซึ่งจังหวัดตรังเองก็มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.หลายคน จากหลายพรรคการเมืองต่างมีกองเชียร์มาให้กำลังใจกันอย่างเต็มที่ พร้อมกับความหวังอยากเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ตรัง ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 มีผู้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆร่วมร้อยคน บางคนก็ตัดสินใจในการลงสมัครเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้ง บางคนก็มาแค่สังเกตการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะมาลงสมัครวันต่อไป
ล่าสุด ว่าที่ ส.ส.ตรัง วันแรกซึ่งจังหวัดตรังมี 3 เขต เลือกตั้ง มีผู้สมัครในแต่เขตเลือกตั้งที่ 1 จากพรรคการเมืองต่างๆ จำนวน 18 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 มีผู้มาสมัคร จำนวน 16 คน และเขตเลือกตั้งที่ 3 มีผู้มาสมัคร จำนวน 13 คน มีทั้งพรรคการเมืองใหม่ พรรคการเมืองใหม่ มีผู้สมัครคนเก่า เดิมๆ และผู้สมัครหน้าใหม่ แต่คาดว่าแต่ละเขตจะมีผู้สมัคร ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 20 คน เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของชาวตรัง ไปทำหน้าที่ในสภาฯต่อไป
ทั้งนี้ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ตรัง มีผู้สมัคร ว่าที่ ส.ส.ตรัง ที่พอจะเป็นตัวเต็งได้ เช่น นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง หลายสมัยจากพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพันธ์ ศิริธร อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง จากพรรคพลังประชารัฐ นายชาลี กางอิ่ม อดีตนายกเทศมนตรีนครัง จากพรรคพลังท้องถิ่นไทย และนายจิโรจน์ พีระเกียรติขจร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชมงคล ศรีวิชัยเทคโนโลยี วิทยาเขตตรัง จากพรรคภูมิใจไทย 
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่พอจะเป็นตัวเต็งในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง หลายสมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ นายโชคดี คีรีกิ้น อดีตประธาน สภา อบจ.ตรัง จากพรรคพลังท้องถิ่นไทย นายวิโรจน์ ทองโอเอี่ยม จากพรรคพลังประชารัฐ และนายคมสรร ต้องนุ้ย จากพรรคไทยรักษาชาติ
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 3 มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่พอจะเป็นตัวเต็ง ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ เช่น นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ผู้สมัครว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ แทนนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ที่ถูกยุบเขตเลือกตั้ง และเป็นลูกสาวหัวแก้ว หัวแหวน อดีต ส.ส.สมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง หลายสมัย อดีตประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาธิปัตย์ นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิธณย์ จากพรรคพลังประชารัฐ ลูกชายนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างใหญ่ จ.ตรังและเป็นหลายชายของส.ส.สมชาย โล่สถาพรพิพิธ นายนิรุตต์ รอดริน พรรคไทยรักษาชาติ และนายยศวัฒน์ ธีรัตน์วัฒนากูล พรรคอนาคตใหม่
อย่างไรก็ตามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนมากสุด คงต้องยกให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเมื่อช่วงเช้าก่อนที่จะสมัครลงเลือกตั้ง นายชวน หลีกภัย ได้นำผู้สมัครทั้ง 3 เขต มายังสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง และหลังจากทุกคนได้สมัครเสร็จสิ้น ก็ได้นำว่าที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 เขต ไปขอพรและจุดธูปถวายยังพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากนั้นได้เดินทางไปยังอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อดีตเจ้าเมืองตรัง บิดายางพารา มีการจุดธูปถวายอดีตเจ้าเมืองตรัง
ส่วนความเห็นของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลังจากได้เบอร์ประจำตัวผู้สมัครเรียบร้อย เช่น นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ตรัง ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า อย่างไรตนเองมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว เชื่อว่าจะพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญเท่าทันจังหวัดอื่นๆ หลังจากจังหวัดตรังขาดการพัฒนามานาน เชื่อการเป็นรัฐบาลสามารถทำได้
ขณะทีนางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ผู้สมัค ส.ส. ตรัง เบอร์ 11 พรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้กล่าวว่า สำหรับตนถือว่ายังเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ยังเจอชาวบ้านไม่ครบ และเป็นคนที่ยังไม่มีชื่อเสียงมาก่อนก็จะเน้นการเคาะประตูแนะนำตัวเพื่อให้ทุกคนได้เห็นหน้า เพราะเห็นรูปแต่ในรถแห่ก็บอกว่าไม่เหมือนตัวจริงจึงจำเป็นต้องลงพบปะชาวบ้าน ตนเองติดตามนายชวนมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต
ท่านชวนสอนเสมอคนเราต้องเป็นคนดี ดีแล้วต้องดีแท้ต้องซื่อสัตย์สุจริต การจะได้ใจของประชาชนต้องเข้าถึง ตนมองว่าการเป็นผู้แทนราษฎรต้องเข้าถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชน เพราะเราเข้ามาเพื่อช่วยแกไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน สำหรับแนวคิดการพัฒนาจังหวัดตรังในมุมมองของตนในฐานะเด็กรุ่นใหม่จะชูในเรื่องของการท่องเที่ยว
เมืองตรังเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติเราควรจะส่งเสริมการท่องเที่ยว ในความคิดส่วนตัวควรจะเอาเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยงข้องเหมือนแอ็ฟพรีเคชั่นดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวตรังมากขึ้นให้การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับคนตรัง ไม่อยากให้คนตรังไปยึดติดกับพืชเศรษฐกิจยางพาราและปาล์มน้ำมันเพียงอย่างเดียว
นายชวน หลีกภัย กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคจะอยู่ในฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตามเราจะไม่ทำให้เสื่อมเสียแก่บ้านเมืองจะเป็นแบบอย่างการเมืองในวิถีทางธรรมประกอบกัน แต่จะไม่เป็นแบบอย่างที่ถือวิถีทางการใช้เงินเพื่อซื้อเสียงในการเลือกตั้ง นี่คือความภาคถูมิใจและทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้า แต่การเมืองมีคนดีและไม่ดี คำนี้เราคงจำได้ว่าเป็นพระบรมราชาวาทของพระองค์ใด
เพราะฉะนั้นในอนาคตมีทั้งคนดีและไม่ดีเราจะทำอย่างไรไม่ให้บ้านเมืองเสียหาย เปลี่ยนพฤติกรรมของนักการเมืองชั่ว ๆ บางคน จะต้องไม่เกิดซ้ำ ซึ่งนั่นประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสิน อย่าสับสน กลุ่มการเมืองที่ไม่ดี กลุ่มการเมืองที่หาผลประโยชน์ คือกลุ่มที่ใช้เงินซื้อเสียงที่จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย
สำหรับที่มีกระแสบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเสาไฟฟ้ามาลงก็เป็น ส.ส.ได้นั้น เป็นคำพูดที่ได้ยินมาจากจังหวัดพัทลุง ไม่ใช่คนตรัง เพราะเสาไฟฟ้าไม่มีชีวิตอย่างไรก็ไม่ได้ เป็นการพูดที่เกินกว่าเหตุไป แต่พรรคต้องเลือกคน และเป็นมานานแล้วไม่ใช่เฉพาะปัจจุบัน ตนเอาหมอสุกิจเข้าว่าตนต้องเอาเพื่อนออกไปหนึ่งคน
คือนายประกิจ รัตตมณี เพื่อเอาหมอสุกิจมาลงเพราะมีความพร้อมมากกว่าเพื่อให้ชาวบ้านได้ความสุข ส่วนนายสาธิตได้เกียรตินิยมของ มอ.มีความสามารถสูง นายสมบูรณ์ จบปริญญาโทจากจุฬาฯเป็นอาจารย์พละมีความรู้มีความสามารถ ส่วนสุณัฐชาจบปริญญาโทนิติศาสตร์บัณฑิต จบสูงกว่าตนเสียอีก ซึ่งทางพรรคคัดเลือกคนดีมีความสามารถมาตลอด
