สุดสงสารน้องน้ำขิงหนูน้อยวัย 4 ขวบเศษ ป่วย โรคแพ้ภูมิตัวเอง แม่วอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์แลกกับชีวิตคนเป็นแม่ยอมเจ็บแทนก็ได้เพื่อลูก รักษามาเกือบ 2 ปี แต่โชคไม่เข้าข้าง ส่ออาการดื้อยา อาการกำเริบซ้ำอีก แพทย์สั่งหยุดทุกกิจกรรม จนกว่าจะดีขึ้น
โรคแพ้ภูมิตัวเอง จากกรณีที่ ด.ญ.จิรัชญา กมุทรัตน์ หรือน้องน้ำขิง วัย 4 ขวบเศษ อยู่บ้านเลขที่ 279/142 ถ.ห้วยยอด ในเขตเทศบาลนครตรัง อ.เมือง จ.ตรัง ที่ป่วยด้วย โรคแพ้ภูมิแพ้ตัวเองและเม็ดเลือดขาวไม่ทำงานทำให้เกิดตุ่มใสขึ้น ปวดแสบปวดร้อน คันบริเวณที่เป็นตุ่ม เมื่อเกาแผลตุ่มน้ำเหลืองก็จะแตกทำให้แสบ และเลือดออก และพอแผลแห้งตกสะเก็ดก็มีตุ่มใสๆ ขึ้นใหม่อีก โดยทางทีมแพทย์ รพ.ตรัง ได้ระดมวิธีรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้หายเป็นปกติ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
แต่ชะตาฟ้ายังไม่อภัย โรคที่คิดว่าลาจากกันชั่วชีวิต กลับตีกลับแสดงอาการเหมือนเดิมขึ้นมาอีกครั้ง จนสร้างความตกใจและหวั่นวิตกให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก และต่างรู้สึกประหลาดใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ครอบครัวก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ไปรับการรักษาตามหมอนัดตลอด
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักของ ด.ญ.จิรัชญา กมุทรัตน์ หรือน้องน้ำขิง เลขที่ 279/142 ถ.ห้วยยอด อ.เมือง จ.ตรัง อีกครั้ง พบกับ น.ส.จิรา พรหมราช อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นมารดา มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกล่าวว่า นับจากน้องป่วยจนถึงวันนี้เป็นเวลา 21 เดือน ทุกฝ่ายก็มีการช่วยเหลือต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ซึ่งการรักษาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทางครอบครัวก็ดีใจมาก คิดว่าหายแล้ว
ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินปกติ ก่อนหน้านี้น้องก็สามารถไปโรงเรียนได้เหมือนเด็กทั่วไป แต่ประมาณสัก 2-3 วันก่อน สังเกตเห็นตามตัวลูกมีผดแดง ๆ ก็นึกว่ายุงกัด ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มาเห็นอีกทีชักเริ่มไม่แน่ใจเพราะมีตุ่มใสๆขึ้น มีอาการเหมือนโรคเดิมกลับมาอีก ก็รีบพาลูกไปหาหมอ หมอก็ตกใจและถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนที่สุดหมอได้ตรวจวิเคราะห์ และสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการดื้อยา จึงได้เปลี่ยนยาบางชนิดและเพิ่มจำนวนตัวยามาให้อีก
ซึ่งตนเองก็สงสารลูกมาก ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไร ถ้าตนเองเป็นแทนลูกได้ หรือถ้ามีเจ้ากรรมนายเวรมาจ้องทำลาย ก็ขอให้มาเอาคืนกับตนเอง อย่าไปลงที่ลูกเลย คนเป็นแม่เจ็บแทนได้ทุกอย่างเพื่อลูก
ตอนนี้อาการก็เริ่มเป็นเหมือนเดิม เริ่มมีไข้บ้าง ซึ่งหมอก็สั่งให้หยุดพักเรียนไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น และห้ามถูกฝน แดดร้อน ฝุ่น ควัน ต่างๆ ห้ามหมดและให้อยู่เฉพาะในบ้านอาการ จนหลายคนก็คิดว่าเราใช้ชีวิตแบบโอเวอร์ แต่เขาคงไม่เข้าใจว่าเราเคยผ่านเส้นตายมาแล้ว โดยธรรมชาติของเด็กก็ต้องซุกซน
ก็สงสารลูกตนเองก็พยายามพูดว่าให้อดทน และต้องสู้ และทางหมอเองก็กำชับให้ตนเองดูแลลูกอย่างใกล้ชิด และห้ามออกไปทำงานเรื่องนี้ทำให้ตนคิดหนัก เพราะถ้าไม่ทำงานจะเอาอะไรกิน ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกท้อมากๆ สับสน เคว้งคว้างไปหมด ก็ได้แต่พึ่งหมอ ทำตามคำแนะนำแบบเคร่งครัด หวังว่าสักวันลูกจะหายเป็นปกติถ้าขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็จะขอให้ลูกหายจากโรคนี้ แม้จะต้องแลกกับชีวิตของตนเองก็ยอม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: