รองเลขาฯ กกต. ระบุว่าหลังจากรับสมัคร ส.ส. เสร็จจะตรวจสอบคุณสมบัติของพรรคว่าถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และยืนยันว่าการเปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” หรือ “ยิ่งลักษณ์” เป็นสิทธิ์ที่ทำได้
ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขา กกต. ระบุว่าหลังจากเสร็จสิ้นการสมัคร ส.ส. ในวันที่ 8 ก.พ. แล้ว กกต. จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ พรรคการเมืองที่มายื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. กว่า 50 พรรค โดยการส่งหนังสื่อไปยังนายทะเบียนที่ตรวจสอบพรรคการเมืองซึ่งเลขาธิการ กกต. ก็ปฏิบัติหน้าที่นี้ ว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ก็จะทำให้รายชื่อที่มาเสนอถูกตัดออกไปเสมือนไม่มีการส่ง เพราะพรรคการเมืองดังกล่าวไม่มีสถานะภาพการเป็นพรรค ซึ่งไม่ถือว่าเป็นโมฆะ แต่ในขณะนี้ กกต. รับผู้ที่มาสมัครทั้งหมดไว้ก่อน ส่วนค่าธรรมเนียมในการสมัคร ก็จะตกเป็นของกองทุนตามกฏหมาย
โดย รองเลขาฯ กกต. ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่ ตาทกฏหมายพรรคการเมือง ซึ่งหลายๆเงือนไขถูกปลดล็อคโดยคำสั่ง คสช. จึงทำให้ต้องดูในหลายๆจุด ส่วนคุณสมบัติของบุคคล ได้ส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งถ้าผู้สมัครมีลักษณะต้องห้าม ก็จะส่งเรื่องให้ ผอ.กกต. ประจำจังหวัด ซึ่งจะประกาศการไม่รับสมัครต่อไป ภายในวันที่ 15 ก.พ. นี้ แต่ผู้ที่ถูกประกาศไม่รับสมัครก็สามารถร้องต่อศาลฏีกาได้ใน 30 วัน ที่ศาลประจำจังหวัด
ผู้สื่อข่าวถามต่อในเรื่องที่ พรรคพลังประชารัฐจะนำรูป พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นป้ายหาเสียงหลังจากที่ตอบตกลงเป็น แคนดิเดทนายกฯ นั้น รองเลขาก็มองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องไม่กระทบต่ออาชีพหลักของบุคคลคนนั้น เช่นเป็นข้าราชการก็ต้องไม่ทำให้หน้าที่การงานเสียหาย
ข่าวน่าสนใจ:
ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส. หลายคนเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ประชาชนจดจำได้และได้คะแนนเสียงนั้น รองเลขา กกต. ระบุว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ถ้าไม่ผิดกฏหมายที่ว่าด้วยเรื่อง ชื่อและนามสกุล
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: