โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวความคืบหน้ากรณี ธนาธรและพวก จัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” จนถูก คสช. แจ้งความ พ.ร.บ.คอมฯ พร้อมเปิดเผยว่า อาจมีการเร่งคดีจากผู้บังคับบัญชา
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ , นายไกลก้อง ไวทยการ และนางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุถูกกล่าวหา จาก คสช. จากการจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2561 โดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เป็นผู้รับมอบอำนาจในการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
ซึ่งทาง คสช. ให้เหตุผลว่าการจัดรายการในวันนั้น “เป็นการพูดเนื้อหาที่ทำลายหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของชาติ คือ กระบวนการยุติธรรม(อำนาจตุลาการ) ซึ่งมีผลกระทบกับแฟนเพจที่เชื่อถือและสนับสนุนผู้ต้องหาให้เกิดความตื่นตระหนกกับความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมไทยในทุกระดับ คสช. พิจารณาถึงเนื้อหาที่เป็นความผิดแล้วจึงเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพวก”
ในชั้นนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพวกได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และโต้แย้งข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อพนักงานสอบสวน พร้อมได้นำพยานบุคคลให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนจำนวน 1 คนจากทั้งหมด 2 คน และยังอยู่ในระหว่างที่จะกำหนดนัดในการนำพยานบุคคลปากสุดท้ายให้ถ้อยคำต่อพนักงาน
สอบสวน อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเห็นว่า
จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งหมดที่พนักงาน สอบสวนได้รวบรวมไว้เป็นสำนวนคดีอาญาทั้งสองคดีนี้ เพียงพอต่อการดำเนินการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ของพนักงานสอบสวนแล้วในการนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 09.00 น. พนักงานสอบสวนติดต่อมายังทนายความผู้รับมอบอำนาจของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายไกลก้อง ไวทยการ และ
นางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ว่า
“พนักงานสอบสวนมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ในการต้องสรุปสำนวนทั้ง
สองคดีและทำความเห็นเกี่ยวกับคดีให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 ก.พ. นี้”
ซึ่งเป็นเหตุที่ทาง น.ส.พรรณิการ์ เชื่อได้ว่ามีการเร่งคดี จากผู้บังคับบัญชาระดับสูงมายังพนักงานสอบสวน
จึงทำให้ต้องตัดพยานปากสุดท้ายของนายธนาธร ออกจจากการสืบสวนในครั้งนี้เพื่อให้ทันกับกรอบเวลาดังกล่าว โดยพนักงานสอบสวนได้กำหนดวันส่งมอบให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด ในวันที่ 27 ก.พ. นี้
“สิ่งที่คุณธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอีกสองท่านได้วิพากษ์วิจารณ์ ก็คือสิ่งที่หยิบยกมาจากหน้าสื่อในการนำเสนอข่าว เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในสังคม เราจึงยืนยันได้ว่าการวิจารณ์ของเราไม่ใช่การนำความเท็จเข้าสู่ระบบอย่างที่ถูกกล่าวหา และเราได้คาดการณ์ไว้ก่อนบ้างแล้ว ว่าในช่วง 1 เดือนก่อนถึงการเลือกตั้ง จะเกิดการเร่งรัดคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเราเองก็จะต้องจับตาดูว่าในวันที่จะมีการส่งตัวทั้งสามคนให้อัยการนั้น จะมีการขอฝากขังคุณธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอีกสองท่านด้วยหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทางพรรคพร้อมที่จะสู้คดีอย่างเต็มที่ และพร้อมเดินหน้าทำงานต่อไปในทั้ง 77 จังหวัดและ 350 เขต” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการส่งฟ้องเกิดขึ้น นายธนาธรและคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างไร เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งประกาศตัวตั้งแต่ต้นว่าพร้อมชนกับต้นตอของปัญหาในประเทศนี้ ได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้น และพรรคก็พร้อมที่จะสู้คดีอย่างเต็มที่ เพื่อยืนยันในหลักการสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน และเพื่อชี้ให้เห็นว่ากฎหมายดังกล่าวนำไปสู่การริดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างไรบ้าง และจำเป็นที่จะต้องไดรับการยกเลิกหรือแก้ไขต่อไป
