กกต. ประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ใช้สูตร กรธ. ทุกคะแนนมีค่า พรรคเล็กก็ได้ ส.ส. ยันสูตรคำนวณมีสูตรเดียว สาเหตุที่แถลงช้าเพราะมีวาระอื่นด้วย
(8 พ.ค. 62)นาย แสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงมติคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ โดยได้ประกาศรายชื่อพรรคการเมืองและรายชื่อผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 128 และมาตรา 129 ซึ่งกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบจำนวนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด มาตรา 128(7) ได้บัญญัติให้คำนวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคการเมืองจะได้รับการจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการคำนวนและการคิดอัตราส่วนอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 91 และมาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 129 ประกอบมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561
ตรวจสอบรายชื่อได้ ที่นี่
ทำให้ตอนนี้มีพรรคการเมืองที่ได้รับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 26 พรรคการเมือง ได้แก่
- พรรคพลังประชารัฐ 18 ที่นั่ง
- พรรคอนาคตใหม่ 50 ที่นั่ง
- พรรคประชาธิปัตย์ 19 ที่นั่ง
- พรรคภูมิใจไทย 12 ที่นั่ง
- พรรคเสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง
- พรรคชาติไทยพัฒนา 4 ที่นั่ง
- พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 ที่นั่ง
- พรรคประชาชาติ 1 ที่นั่ง
- พรรคเพื่อชาติ 5 ที่นั่ง
- พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4 ที่นั่ง
- พรรคชาติพัฒนา 2 ที่นั่ง
- พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 ที่นั่ง
- พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 ที่นั่ง
และพรรคลำดับที่ 14 – 26 ได้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง ได้แก่ พรรคพลังปวงชนไทย, พรรคพลังชาติไทย, พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคพลังไทยรักไทย, พรรคไทยศิวิไลย์, พรรคประชานิยม, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคประชาชนปฏิรูป, พรรคพลเมืองไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่, และพรรคไทรักธรรม
โดยสรุปมี ส.ส. ที่ได้รับการรับรองทั้งหมด 498 คน ได้แก่
- พรรคเพื่อไทย 136 คน
- พรรคพลังประชารัฐ 115 คน
- พรรคอนาคตใหม่ 79 คน
- พรรคประชาธิปัตย์ 56 คน
- พรรคภูมิใจไทย 50 คน
- พรรคเสรีรวมไทย 10 คน
- พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน
- พรรคประชาชาติ 7 คน
- พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน
- พรรคเพื่อชาติ 5 คน
- พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน
- พรรคชาติพัฒนา 3 คน
- พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน
- พรรครักษ์ผืนป่าไทย 2 คน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมมีพรรคการเมืองที่มีคะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ยต่อส.ส.หนึ่งคนได้ นาย แสวง กล่าวว่า หากดูตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะเห็นได้ว่ากรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้วิธีคิดคำนวนตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 128 ตั้งแต่ (3)-(7) ซึ่งตาม(7)ในมาตรา 128 ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งกกต.ก็ได้พิจารณาตามนี้ตั้งแต่(1)-(7)
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดวันนี้ถึงมีการพิจารณาที่ช้า นาย แสวง ตอบว่า มีวาระอื่นที่ต้องพิจารณาด้วยไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของ นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กกต.ก็ได้มีหลักฐานที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ได้มีการรับรองผลตรงนี้จะมีผลอย่างไร นาย แสวง ตอบว่า เป็นเพียงแค่การกล่าวหาแต่ยังไม่ได้ชี้ว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มีความผิดจริง เช่น การมาชี้แจงแสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการไต่สวนและคณะกรรมการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานให้กกต.ทางกกต.ต้องนำมาพิจารณาอีกทีว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งการพิจารณาคำร้องดูจากว่ามีเหตุตามกฏหมายหรือไม่เพราะบางข้อร้องเรียนก็ไม่เข้าข้อกฎหมาย และเมื่อดูข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานว่าเป็นหลักฐานอันเชื่อได้ว่าหรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้มาซึ่งข้อเท็จจริงนั้นต้องมีกระบวนการพิจารณาคือให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้เพื่อเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งกกต.ได้พิจารณาไปหลายสำนวนแล้วการจะลงโทษผู้ใดต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้ว่าเป็นอย่างไรหากพอฟังได้ก็ต้องพิจารณาตามเหตุ
ขณะที่ นายแสวง ยืนยันว่า กกต.คำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 128 ทุกประการ และทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งสูตรคำนวนส.ส.ที่สำนักงาน กกต.เสนอไปนั้นคือสูตรในมาตรา 128 เพียงสูตรเดียว กรณีที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดได้นั้น เพราะยังขาดส.ส.แบบแบ่งเขตอีก1คน หากมีการจัดการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและประกาศรับรองแล้วนั้นก็จะนำมาคิดคำนวนใหม่ และจะประกาศให้ครบ150คนได้นั้นก็ต่อเมื่อได้ส.ส.เขตครบแล้วทุกเขตเช่นกัน
ทั้งนี้ ที่นั่งส.ส.สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาหากพบการกระทำผิด ของส.ส.ซึ่งมีระยะเวลา1ปีในการเปลี่ยนแปลง
