(24 มิ.ย. 62) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน CLMVT Forum 2019 ในหัวข้อ “CLMVT as the New Value Chain Hub of Asia” ณ ห้องรอยัล มณียา บอลรูม ชั้น M โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ โดยในงานมีรัฐมนตรีกระทรวงด้านเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมราชอาณาจักรกัมพูชา , สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว , สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา , ผู้แทนระดับสูงสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม , เอกอัครราชทูต , ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ภาควิชาการ หอการค้า จากประเทศสมาชิก CLMVT และหอการค้าแห่งชาติ เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ รวมกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน ภายหลังเสร็จสิ้น พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเล็งเห็นถึงศักยภาพของภูมิภาค CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของเอเชียและโลก โดยไทยยินดีที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CLMVT Forum 2019 ภายใต้แนวคิดหลัก คือ “การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย” เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดและแนบแน่นตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งภายใน CLMVT และภายนอก รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายของผู้นำทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ด้วยการนำของภาคเอกชนและวิชาการเป็นหลักจะช่วยเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าร่วมกันในภูมิภาค CLMVT โดยภาครัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกและวางรากฐาน ภาคเอกชนของ CLMVT มีศักยภาพในการขยายธุรกิจ สร้างและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งยังเป็นกำลังสำคัญในการประสานความร่วมมือในด้านต่าง ๆ
ภูมิภาค CLMVT ถือว่ามีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางการค้า การลงทุน ทั้งในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เนื่องจากการมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และการมีปัจจัยพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ที่พร้อม ทำให้ภูมิภาค CLMVT มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างแนบแน่นในเครือข่ายการผลิตของอาเซียนและเอเชีย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าโลกอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้
กลุ่มประเทศ CLMVT จึงถือเป็นภูมิภาคที่ทั่วโลกให้การจับตามอง เห็นได้จากศักยภาพทางด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตและตลาดสำคัญที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2560 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมของภูมิภาค CLMVT ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.1 และระหว่างปี 2556 – 2560 ประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม CLMVT มีการค้ากับประเทศนอกกลุ่ม CLMVT ขยายตัวโดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 4.6 ต่อปี นอกจากนี้ การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ CLMVT ด้วยกันยังขยายตัวโดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 7.1 และร้อยละ 15.7 ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันทางเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง และการประสานของห่วงโซ่คุณค่าในภูมิภาคที่เชื่อมโยงเข้าหากันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข่าวน่าสนใจ:
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- นายกฯ "อิ๊ง" เปิดงานออนซอนกลองยาวชาววาปี สานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
“ภูมิภาคของเราต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ที่มีบทบาทในการกำหนดความสามารถในการแข่งขันของทุกประเทศทั่วโลก โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จะเข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจในทุก ๆ ภาคเศรษฐกิจอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม เกษตร หรือบริการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
การเข้ามาของเทคโนโลยีเหล่านี้จึงนำมาสู่โอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับภาคธุรกิจ ทำให้บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตระดับโลก แต่เรายังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และความผันผวนสูงในการทำธุรกิจ ทำให้ทุกภาคส่วนใน CLMVT ต้องปรับตัว และที่สำคัญคือต้องจับมือกันในการก้าวไปข้างหน้า และแบ่งปัน ไม่ใช่แข่งขันกันอย่างเดียว
พลเอก ประยุทธ์ ระบุว่า ภาคเอกชนต้องมีการเตรียมความพร้อม และป้องกันความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในตลาดโลก เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ โดยภูมิภาค CLMVT จำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาค เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงในเครือข่ายการผลิตโลกได้ต่อไป ทั้งในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาธุรกิจการเกษตร สิ่งทอ ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ ภาคบริการของภูมิภาค CLMVT ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ก่อให้เกิดการทำธุรกิจบริการรูปแบบใหม่ ส่งผลดีต่อทั้งผู้ผลิตสินค้า และผู้บริโภค ที่จะได้รับการบริการที่รวดเร็ว สะดวก และราคาถูกลง โดยธุรกิจในภาคบริการจะต้องหันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการให้บริการมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลยึดมั่นในหลักการ “การเติบโตไปด้วยกัน” (stronger together) การมีส่วนร่วม และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งการที่รัฐบาลไทยจัดงานประชุมในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมหลักการข้างต้น โดยประเทศในกลุ่ม CLMVT มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน บนพื้นฐานของการให้ความเคารพในความหลากหลาย และการสร้างความเกื้อกูลกันด้วยการประสานผลประโยชน์แบบเท่าเทียม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอให้ทุกคนใช้โอกาสจากการประชุมกันวันนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างอนาคตของภูมิภาค CLMVT ที่เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ที่จะส่งเสริมให้ภูมิภาค CLMVT เติบโตไปด้วยกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: