น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่มีที่ไหนในโลก ที่มีลักษณะเฉพาะโดยน้ำพุที่ผุดขึ้นเป็นบ่อน้ำร้อนนั้นเป็นพุน้ำร้อนเค็มที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และนำการวิจัยเข้ามาร่วมพัฒนาให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และผลักดันสู่การเป็น ‘สปาทาวน์’ หรือเมืองสปาที่สร้างรายได้สู่ชุมชน
พุน้ำร้อนเค็มคลองท่อม ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นหนึ่งใน 6 แหล่งพุน้ำร้อนเค็มในประเทศไทย แต่เป็นแหล่งเดียวที่คุณสมบัติน้ำเหมือนกับน้ำทะเล พุน้ำร้อนเค็มคลองท่อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในงานวิจัยโครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในปี พ.ศ. 2557
ภายใต้แผนงาน “แนวทางการพัฒนาพุน้ำร้อนเค็มคลองท่อม จังหวัดกระบี่อย่างยั่งยืน” โดยมี ผศ.ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นผู้อำนวยการแผนงานในครั้งนี้ ซึ่งนำมาซึ่งการพัฒนาพุน้ำร้อนคลองท่อมสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งคุณค่าและมูลค่าในเวลาเดียวกัน
เมื่อเดินเข้ามาบริเวณบ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม จะเห็นภาพบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมด้วยคอนกรีตขอบสูงตกแต่งด้วยหินน้อยใหญ่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ ท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีปลูกรายล้อม เป็นการผสมผสานระหว่างสิ่งปลูกสร้างและธรรมชาติ บ่อน้ำพุแยกเป็นบ่อ 3 บ่อตามแหล่งกำเนิดในธรรมชาติ เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลายหลากทุกช่วงวัย
ข้อปฏิบัติในการแช่น้ำพุร้อนเค็ม
– อาบน้ำก่อนลงแช่
– แช่ขาทั้ง 2 ข้างก่อน ใช้น้ำในบ่อลูบแขน-ลำตัว ประมาณ 3 นาที เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิก่อน
– ลดระดับตัวลงในน้ำอยู่ระดับเอว ให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ ประมาณ 2-3 นาที ก่อนจะค่อยๆแช่น้ำในระดับหน้าอก ซึ่งควรแช่ไมเกินรอบละ 5-15 นาที เนื่องจากอาจมีอุณหภูมิสูงจนเกินไป
– หลังแช่ นัั่งพักประมาณ 5 นาที ดื่มน้ำเพื่อชดเชยการเสียเหงื่อ
*ขณะให้บริการ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ ให้รีบขึ้นจากบ่อน้ำทันที พร้อมแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
ซึ่งจุดเริ่มต้นของการผลักดัน ‘บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม’ เกิดจากปัญหาหลายประการ อาทิ พบว่ามีระบบนิเวศและลักษณะทางธรณีวิทยาที่เปราะบางง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงหากการพัฒนาไม่ได้อยู่บนพื้นฐานวิชาการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขของพื้นที่และการใช้ประโยชน์ของนักท่องเที่ยว ตลอดจนการมุ่งเน้นการใช้งบประมาณของภาครัฐโดยปราศจากการคำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาว และเริ่มมีภาคเอกชนเข้าไปใช้ประโยชน์จากพุน้ำร้อนเค็มคลองท่อม
จากปัญหาดังกล่าวผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยน้ำขาวในฐานะเจ้าของพื้นที่ จึงได้ร่วมพัฒนาโจทย์วิจัยกับคณะนักวิจัยจาก สำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพื่อแก้ไขปัญหา
ด้วยเหตุนี้งานวิจัยนี้ต้องบูรณการองค์ความรู้จากหลายมหาวิทยาลัยทั้งด้านธรณีฟิสิกส์ พรรณไม้ การจัดการและบริหารธุรกิจ และการวางแผนพัฒนาพุน้ำร้อนเค็มให้มีความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นเพื่อวางแผนการบริหารจัดการพุน้ำร้อนเค็มคลองท่อมอย่างยั่งยืน
ประการแรก หลังจากพบว่าสภาพพื้นที่พุน้ำร้อนเค็มคลองท่อมมีความเปราะบางของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมสูง ด้วยสามารถขุดพบน้ำร้อนตื้นสุดในระดับ 5 เมตร
ข้อมูลธรณีวิทยาใต้ดินพบว่ามีรอยเลื่อนของเปลือกโลกเป็นผนังกั้นน้ำพุร้อนเค็มกับน้ำร้อนด้านนอกพื้นที่ไว้ซึ่งมีความเปราะบางต่อการแตกหรือรั่วค่อนข้างสูงหากได้รับการกระทบกระเทือน และข้อมูลทางเคมีและชีววิทยาของน้ำพุร้อนพบว่าน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมกับน้ำพุร้อนอื่น ๆ ในจังหวัดกระบี่มาจากแหล่งที่แตกต่างกัน
โดยการเข้ามาใช้ประโยชน์โดยขาดการวางแผนร่วมกันของภาคเอกชนอาจส่งผลต่อศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวทั้งในด้านปริมาณและอุณหภูมิของน้ำพุร้อนเค็ม ทั้งนี้ยังมีประเด็นด้านการบำบัดน้ำเสียก่อนที่จะปล่อยลงสู่ระบบนิเวศที่ต้องมีการบริหารจัดการ จึงต้องให้ความระมัดระวังในการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พุน้ำร้อนเค็มคลองท่อม เพื่อสงวนไว้ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ
ประการที่ 2 จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำพบว่า บ่อแช่ที่มีการใช้ประโยชน์ของนักท่องเที่ยวมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในปริมาณค่อนข้างสูงซึ่งเกิดมาจากการที่ผู้ใช้ประโยชน์ไม่มีการเปลี่ยนชุดและชำระร่างกายก่อนลงแช่น้ำ จึงริเริ่มแผนการจัดเตรียมสถานที่อำนวยความสะดวกในการชำระร่างกาย
ทำให้เกิดการออกแบบให้ความสำคัญกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เงื่อนไขของพื้นที่ และการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งการจัดทำแบบแนวคิดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่จำเป็นต่อการควบคุมการไหลของการบริการ (Service Circulation) โดยเฉพาะการเปลี่ยนชุดและการชำระร่างกายก่อนลงแช่น้ำ รวมถึงการชำระค่าเข้าแหล่งท่องเที่ยว
เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ใช้ประโยชน์สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ทุกทิศทางทำให้ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัยได้ดีนัก นอกจากนี้ยังได้นำเสนอแบบแนวคิดการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และระบบสื่อความหมายทางการท่องเที่ยว
โดยแบบแนวคิดนี้สามารถนำไปเป็นแบบก่อสร้างการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายใต้งบประมาณของท้องถิ่นหรือเสนอของบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีข้อมูลรายงานวิจัยสนับสนุน ซึ่งผลการวิจัยพบว่าพื้นที่โดยรวมของพุน้ำร้อนเค็มคลองท่อมเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ
ประการที่ 3 ออกแบบและพัฒนาอัตลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวด้วยการออกแบบสื่อสัญลักษณ์ และบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของชุมชนเพื่อการนำไปผลักดันสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายจริง
การส่งเสริมธุรกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวประกอบไปด้วยกลุ่มนวดแผนไทย กลุ่มน้ำพริก กลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มกะปิ และกลุ่มนำเที่ยว ทั้งนี้ในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกหรือแหล่งท่องเที่ยวนั้นผู้วิจัยให้ความสำคัญกับหลักศาสนาอิสลาม เนื่องจากคนในชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต่อยอดวัตถุดิบที่และภูมิปัญญาในท้องถิ่น ร่วมกับนักวิจัยของ สกว. และนักวิจัยท้องถิ่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆจำหน่ายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ที่นำไปสู่การเป็นที่รู้จักในระดับโลกได้ในอนาคต อาทิ เครื่องสำอาง ไอศกรีมจากวิตถุดิบท้องถิ่น ฯลฯ
ทั้งหมดทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้เกิดสร้างความตระหนักต่อความสำคัญของการจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการตระหนักถึงความโดดเด่นของพุน้ำร้อนเค็มที่ชุมชนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญในการจัดการอย่างยั่งยืน
โดยชุมชนท้องถิ่นต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาฐานทรัพยากรทั้งทุนธรรมชาติ ทุนวัฒนธรรมและทุนทางสังคมของชุมชน รวมไปถึงการส่งเสริมธุรกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวที่มีส่วนช่วยในการกระจายผลประโยชน์ทางการท่องเที่ยวสู่ชุมชนมากขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันให้ ‘บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม’ ดำเนินสู่การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและเป็นที่รู้จักในระดับโลกได้อนาคตอันใกล้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: