X

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง

ปทุมธานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่ติดตามการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง

เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 5 มิถุนายน 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพร้อมคณะ ได้เดินทางมาที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลงพื้นที่ติดตามการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว. ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายมงคล ณ นคร ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี และนางจุไร ยอดระบำ ผู้อำนวยการสถานกักขังจังหวัดปทุมธานี


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะเร่งฉีดวัคซีนให้กับเรือนจำที่ปลอดเชื้อแต่อยู่ในพื้นที่สีแดง โดยจ.ปทุมธานี มีเรือนจำปลอดเชื้ออยู่ 4 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 2,225 คน เรือนจำจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 1,720 คน เรือนจำอำเภอธัญบุรี มีผู้ต้องขัง 2,117 คน และทัณฑสถานกักขังจังหวัดปทุมธานี ผู้ต้องกักขัง 83 คน ซึ่งในวันนี้เราจะเร่งฉีดให้กลุ่มเปราะบาง คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน โดยจะเร่งฉีดให้เสร็จภายใน 2-3 วัน ส่วนเรือนจำที่มีการติดเชื้ออีก 2 แห่ง เราจะยังไม่ฉีด ซึ่งการฉีดวัคซีนเราได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลธัญบุรี 10 คน ในส่วนของผู้ต้องขังที่เป็นต่างด้าว ก็ต้องได้รับการฉีดวัคซีนด้วย ตามหลักสิทธิมนุษยชน เราจะปล่อยและละเลยพวกเขาไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาไม่มีเลขบัตรประชาชนในการลงทะเบียน แต่ตรงนี้สามารถดำเนินการไปก่อนได้ แล้วค่อยมาลงทะเบียน เพราะอย่างไรพวกเขาก็มีชื่ออยู่ในเรือนจำซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ตนขอขอบคุณ แพทย์และพยาบาลที่มาช่วยงานในครั้งนี้ และขอให้ผู้ต้องขังทุกท่านร่วมมือในการฉีดวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นสามารถช่วยประหยัดงบประมาณมากกว่าการใช้ยารักษาโรคหลายเท่า นอกจากนี้ขอฝากให้ผู้ต้องขังทุกคนเมื่อพ้นโทษ ขอให้ทำอาชีพสุจริต โดยเรียนรู้การฝึกอาชีพจากในเรือนจำ นำสิ่งที่เหมาะสมกับเราไปประกอบอาชีพ และตนยังมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พ้นโทษได้

เมื่อถามว่าสังคมยังมีความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ต้องขังมากกว่าประชาชนภายนอกในการจัดหาวัคซีน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จุดแข็งคือ เชื้อไม่สามารถหลุดออกไปแพร่ระบาดข้างนอกได้ แต่จุดอ่อนคือ เมื่อเชื้อเข้ามาจะแพร่ระบาดได้เร็วและป้องกันได้ยาก เพราะไม่มีมาตรฐานระยะห่าง 1.5-2 เมตรตามมาตรฐาน ภายในเรือนจำระยะห่างต่อคนแค่ 2-3 เซ็นติเมตรเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห็นด้วยกับการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง และเมื่อฉีดวัคซีนแล้วเราจะเกลี่ยย้ายผู้ต้องขังไม่ให้แออัดด้วย นอกจากนี้ในส่วนการปฏิบัติงานเราทำมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิดเรายิ่งเข้มงวดกว่าเดิม

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of พนอ ชมภูศรี

พนอ ชมภูศรี

พนอ ชมภูศรี คลุกคลีในวงการสื่อสารมวลชนมานาน โดยเริ่มงานครั้งแรกในราวปีพศ.2540 โดยเข้าร่วมงานกับ นสพ.อาชญากรรม รายสัปดาห์ จากนั้นก็ทำงานเป็น ขทร.ไทยรัฐ นสพ.บ้านเมือง ก่อนจะไปยัง นสพ.คมชัดลึก และเครือเนชั่นกรุ๊ป รายงานข่าว ความเดือดร้อน ระวังภัย และข่าวพัฒนาในชุมชนในท้องถิ่นทางเนชั่นทีวี วันนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นปากเสียง และนำเสนอการพัฒนาเมืองปทุมธานี