ปทุมธานี นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนาสลดใจปลดฟ้าผ่าเจ้าคณะจังหวัด เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจง
วันที่ 3 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พระธรรมรัตนาภรณ์ ดร.(หลวงพ่อเปี๊ยก) อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถูกมหาเถรสมาคมสั่งปลดฟ้าผ่าโดยไม่ทราบสาเหตุในระหว่างจำพรรษาอยู่ ซึ่งไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนในวงการพระพุทธศาสนา จนสร้างความไม่พอใจให้กับคณะสงฆ์ในจังหวัดตลอดจนศิษยานุศิษย์ที่ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระธรรมรัตนาภรณ์ เป็นพระเถรานุเถระที่ทุ่มเทงานให้กับพระพุทธศาสนาและกิจการคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก
ซึ่ง ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว”Uthit Siriwan” มีใจความว่า หลวงพ่อ ดร.เจ้าคุณเปี๊ยก พระธรรมรัตนาภรณ์ พระนักพัฒนานักการศึกษา นักสังคมสงเคราะห์ที่น่ารู้จักในห้วงเวลานี้ คิดถึงคำว่า “โชคร้าย นายชัง” ส่วนตัวผมนับถือเลื่อมใสธัมมะในตัวหลวงพ่อมานมนาน เหตุผลที่ท่านถูกปลด สะท้อนว่าต่อให้ดีแค่ไหนยกแผ่นดินทั้งปฐพีให้ ก็หาได้ทำให้คนรอบตัว “ฟ้า” ที่คิดต่าง เห็นต่าง พึงพอใจนับถือศรัทธายกย่องเลื่อมใสในปฏิปทาวัตรปฏิบัติท่านได้ โดยเฉพาะ “ธ” และ “พ” ที่จริงแทนที่จะถอดท่านออก ควรที่จะยกย่องท่านเป็นที่ปรึกษาหรือเลื่อนเป็นรองภาค 1 เลยยังดูดีกว่า
ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวมหาเถรสมาคมสั่งปลดพระธรรมรัตนาภรณ์ จากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผมรู้สึกสลดใจและเสียใจ ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เนื่องจากหลวงพ่อมีผลงานเชิงประจักษ์เยอะแยะมากมายที่ช่วยเหลือคณะสงฆ์ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเมื่อทราบว่าเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีถูกถอด แม้ผมเป็นผู้ที่รู้เรื่องวัดวาอารามก็ยังรู้สึกไม่ดี ผมเองเคยถามคนอื่น ๆ ว่ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับข่าวเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จังหวัดกาฬสินธุ์ จังฉะเชิงเทราถูกปลด เขามองเลยว่าถ้าไม่ผิดจะถูกปลดทำไม
ผมและลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อรวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ก็อยากให้ชี้แจงเหตุผล ว่าหลวงพ่อบกพร่องในหน้าที่ตรงไหน ทั้งเรื่องการเงิน การตรวจสอบที่มาการเงิน เพราะหลวงพ่อเปี๊ยกไม่เคยมีประวัติเรื่องเงินทอนวัด รวมถึงเรื่องเสียหายอื่น ๆ หลวงพ่อท่านมีความเมตตาเสมอมา ไม่เคยมีอคติกับฝ่ายใด ท่านปกครองคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานีมาอย่างยาวนาน ทุกภาคส่วนยอมรับหมด ไม่ใช่แค่เพียงวัดเท่านั้น หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย มูลนิธิภาคประชาสังคม ยอมรับหลวงพ่อเปี๊ยกหมดเลย
งานที่หลวงพ่อได้ทำหลัก ๆ คืองานของคณะสงฆ์ โดยเฉพาะท่านได้สนองงานสมเด็จพระสังฆราชโดยตรงทั้งเรื่องการรักษาศีล 5 โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ที่รวมบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ ซึ่งหลวงพ่อทำงานได้ดีมาก แม้กระทั่งเรื่องการสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลสนาม ช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 มีผลงานเชิงประจักษ์ หลวงพ่อร่วมกับ อบจ.ปทุมธานี ร่วมกับสำนักงานของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี รวมถึงกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เรียกว่าหลวงพ่อมีผลงานมากมาย ผมเป็นชาวปทุมธานีและเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่ท่านถูกปลดแบบนี้
ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระแสข่าวที่ออกมาว่า มหาเถรสมาคมสั่งปลดเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีทำให้เกิดความคลุมเครือ เช่น บอกว่าหลวงพ่อไปสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ผมมองว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเฉพาะ ที่ปรึกษาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทางด้านพระพุทธศาสนา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา และสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง รวมถึงเจ้าคณะภาค 1 ต้องช่วยกันตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องชี้แจงกับประชาชนได้ เพราะที่ผมได้เอ่ยมาถือว่าตกเป็นจำเลยสังคมเรียบร้อยแล้ว อยากให้ทุกท่านได้ชี้แจงว่าทำไมถึงได้ปลดหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี อย่าให้มีแต่เสียงลือกันตามวัดว่า ถูกปลดเพราะไปฝักใฝ่วัดใดวันหนึ่ง รวมถึงการตรวจสอบที่มาการเงิน ซึ่งเมื่อฟังแล้วไม่ดี สมมุติว่าวัดเขียนเขตได้รับเงินบริจาคจากวัดในจังหวัดจำนวน 100,000 บาท พูดแค่นี้เสียเลยเหมือนกับว่ากินสินบาทคาดสินบน แต่ความจริงอาจจะรับเงิน 100,000 บาท มาจากกระทรวงวัฒนธรรมมาให้ทุนการศึกษาสามเณรหรือภิกษุที่สอบได้ เช่นวัดพระธรรมกายสอบได้
จากนั้นหลวงพ่อเปี๊ยกได้รับเงินก้อนนี้มามอบให้สามเณรก็มีสิทธิ์ที่ทำได้ เพราะกระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้ให้แค่วัดพระธรรมกาย แต่ให้ทุกวัดทั่วประเทศ แต่ต้องมาผ่านวัดเขียนเขตในฐานะเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งวิธีการปฏิบัติเช่นนี้ จังหวัดอื่น ๆ ก็ปฏิบัติให้ผ่านเจ้าคณะจังหวัด เช่น จังหวัดอุดรธานีหรือจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีที่มาการเงิน เราอย่าพูดให้คลุมเครือ ทุกวันนี้เวลาให้ข่าวชอบให้ข่าวคลุมเครือ อย่างเช่น ตรวจสอบที่มาการเงินพระ คนก็ตีความเลยเงินทอนวัดหรือ ส่วนเรื่องที่ว่าหลวงพ่อฝักใฝ่วัดใดวัดหนึ่งก็ไม่ใช่ หากเราศึกษาประวัติท่าน ซึ่งหลวงพ่อเปี๊ยกเป็นพระในพื้นที่ เกิดอยู่ธัญบุรี เป็นเจ้าอาวาสวัดเขียนเขต จากนั้นได้เลื่อนชั้นยศมาตามสายงานมาตามลำดับ ไม่ได้ถูกวัดใดวัดหนึ่งซื้อตัว เหมือนที่มีการกล่าวหา และไม่ได้ถูกวัดใดวัดหนึ่งจะเอาลาภสักการะมากดดันให้หลวงพ่อต้องเป็นผู้รับใช้ เพระฉะนั้นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เจ้าคณะภาค 1 สมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าทำไมมติเป็นเช่นนี้.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: